The Prachakorn

รูปแบบการอยู่อาศัยและการมีส่วนร่วมด้านกิจกรรมทางกายของเด็กและเยาวชนไทย


สิทธิชาติ สมตา

03 กุมภาพันธ์ 2568
221



“รูปแบบการอยู่อาศัยมีความสัมพันธ์กับการมีกิจกรรมทางกายเพียงพอของเด็กและเยาวชนไทย โดยเฉพาะในครัวเรือนพ่อแม่ลูกและครัวเรือนขยาย อีกทั้งเพื่อนรุ่นเดียวกัน เพื่อนต่างรุ่น และพี่น้องเป็นส่วนร่วมสำคัญในการมีกิจกรรมทางกาย”

การมีกิจกรรมทางกายเพียงพอมีบทบาทสำคัญในการช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรและการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน รวมถึงลดอาการซึมเศร้าและภาวะสมองเสื่อม1 มีประโยชน์ต่อสุขภาพจิต คุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีเพิ่มขึ้น2 และการมีกิจกรรมทางกายเพียงพอของเด็กและเยาวชนมีประโยชน์ในการเสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย สุขภาพกายและจิตใจ และลดความอ้วนในเด็กและเยาวชน อีกทั้งสามารถช่วยเสริมความสามารถในการรับรู้และผลการเรียน3ซึ่งประโยชน์ต่อสุขภาพเหล่านี้มีผลต่อเนื่องไปถึงวัยผู้ใหญ่ อีกทั้งการมีกิจกรรมทางกายมีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อการพัฒนาทางความคิดและพฤติกรรมทางสังคม4 แม้ว่าการมีกิจกรรมทางกายเพียงพอจะมีความสำคัญต่อสุขภาพ แต่สถานการณ์การมีกิจกรรมทางกายทั่วโลกยังคงต้องได้รับการส่งเสริมและการสนับสนุนอย่างทั่วถึงจากภาครัฐและสังคม

ที่ผ่านมาทุกประเทศทั่วโลกเผชิญกับปัญหาการมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ  โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรวัยเด็กและเยาวชนอายุ 5-17 ปี ซึ่งมีการประมาณการว่าเยาวชนทั่วโลก (อายุ 11-17 ปี) มีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอว่ามากกว่าร้อยละ 80 ในปี 2016 [4] สำหรับประเทศไทยในตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ระดับการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอของเด็กและเยาวชนอยู่ในระดับต่ำมาโดยตลอด โดยในปี 2566 นี้ ประชากรวัยเด็กและเยาวชนไทยมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอประมาณร้อยละ 78.65

ประเทศไทยเป็นหนึ่งประเทศในโลกที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย โดยมีแผนการส่งเสริมกิจกรรมทางกายสำหรับประชากรทุกกลุ่มวัย (พ.ศ.2561 – 2573) และแผนการส่งเสริมกิจกรรมทางกายสำหรับเด็กและเยาวชน (พ.ศ.2566 – 2573) ที่มุ่งเน้นเพิ่มระดับกิจกรมทางกายในกลุ่มเด็กและเยาวชนไทย เพื่อการบรรลุเป้าหมายของเด็กและเยาวชนอายุตั้งแต่ 5 - 17 ปี มีระดับกิจกรรมทางกายที่เพียงพอตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกไม่ต่ำกว่าร้อยละ 35 ดังนั้น การทำความเข้าใจบริบทรูปแบบการอยู่อาศัยและการมีส่วนร่วมเกี่ยวกับการมีกิจกรรมทางกายของเด็กและเยาวชนจะช่วยในการวางแผนกลยุทธ์การส่งเสริมกิจกรรมทางกายให้แก่เด็กและเยาวชนของภาครัฐและภาคประชาสังคม เพราะรูปแบบการอยู่อาศัยเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ ความสัมพันธ์ การสนับสนุน การพึ่งพาอาศัยกันทั้งทางกายและจิตใจระหว่างสมาชิกในครัวเรือน

จากการสำรวจการมีกิจกรรมทางกายในเด็กและเยาวชนไทย พ.ศ. 2564 (Global Matrix 4.0) พบว่า เด็กและเยาวชนอายุ 5 – 17 ปี มีร้อยละของการมีกิจกรรมทางกายเพียงพอระดับปานกลางและระดับหนักได้อย่างน้อยเฉลี่ยวันละ 60 นาที (Overall physical activity) คิดเป็นร้อยละ 26.9 ทั้งนี้ โดยกิจกรรมทางกายระดับปานกลางเป็นกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวออกแรงและใช้พละกำลังของร่างกายในระดับปานกลาง ส่งผลให้การหายใจเร็วขึ้นจากระดับปกติจนรู้สึกได้ถึงความเหนื่อย แต่ยังไม่ได้ถึงกับมีอาการเหนื่อยหอบมีเหงื่อออกซึมเล็กน้อย ยังไม่ได้สามารถพูดเป็นประโยคสั้น ๆ ได้ในขณะปฏิบัติกิจกรรม ขณะที่กิจกรรมทางกายระดับหนักเป็นกิจกรรมทางกายที่มีการเคลื่อนไหวออกแรงและใช้พละกำลังของร่างกายอย่างหนัก ส่งผลให้มีการหายใจแรง อัตราการเต้นของหัวใจเต้นเร็วขึ้นจากปกติเป็นอย่างมาก จนทำให้รู้สึกเหนื่อยหอบ มีเหงื่อออกมากที่ระดับความหนักนี้จะไม่สามารถพูดเป็นประโยคได้ได้เพียงคำสั้น ๆ เท่านั้นเมื่อพิจารณารูปแบบการอยู่อาศัย พบว่า เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในครัวเรือนพ่อแม่ลูกคิดเป็นร้อยละ 37.2 รองลงมาคือ ครัวเรือนขยายร้อยละ 22.1 และครัวเรือนข้ามรุ่นร้อยละ 14.0 (ดังภาพที่ 1)

ที่มา: โครงการสำรวจการมีกิจกรรมทางกายในเด็กและเยาวชนไทย พ.ศ. 2564

ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างร้อยละการมีกิจกรรมทางกายเพียงพอกับรูปแบบการอยู่อาศัยของเด็กและเยาวชนพบว่า ครัวเรือนที่มีร้อยละของการมีกิจกรรมทางกายเพียงพอมากที่สุดคือ ครัวเรือนข้ามรุ่นร้อยละ 28.6 รองลงมาคือ ครัวเรือนขยายร้อยละ 27.0 ครัวเรือนพ่อแม่ลูกร้อยละ 25.8 และครัวเรือนพ่อ/แม่เลี้ยงเดียวร้อยละ 21.4 (ดังภาพที่ 2) ซึ่งจะเห็นได้ว่าเด็กและเยาวชนที่อาศัยอยู่ในครัวเรือนพ่อ/แม่เลี้ยงเดียวและครัวเรือนข้ามรุ่นมีสัดส่วนของร้อยละการมีกิจกรรมทางกายเพียงพอที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับครัวเรือนพ่อแม่ลูก

ที่มา: โครงการสำรวจการมีกิจกรรมทางกายในเด็กและเยาวชนไทย พ.ศ. 2564

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาของเด็กและเยาวชนได้มีการทำกิจกรรมทางกายเคลื่อนไหวออกแรง วิ่งเล่น ออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬากับบุคคลใดบ้างนั้น พบว่า บุคคลที่มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมทางกาย 5 อันดับแรก ได้แก่ เพื่อนรุ่นเดียวกันอยู่ที่ร้อยละ 44.1 รองลงมาคือ พี่น้องร้อยละ 39.0 เพื่อนต่างรุ่นร้อยละ 24.0 คนเดียวร้อยละ 19.6 และพ่อแม่ร้อยละ 14.6 ซึ่งผลการศึกษาในภาพรวมจะเห็นได้ว่า เพื่อนรุ่นเดียวกันและเพื่อนต่างรุ่นมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมทางกายมากที่สุด ขณะที่การมีกิจกรรมทางกายร่วมกับพี่น้องมีความสอดคล้องกับข้อมูลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์รูปแบบการอยู่อาศัยกับการมีกิจกรรมทางกาย เนื่องจากครัวเรือนพ่อแม่ลูกในการศึกษาครั้งนี้ส่วนใหญ่มีบุตรในครัวเรือนสองคน และบุตรในครัวเรือนมักมีกิจกรรมกับเพื่อนรุ่นเดียวกันและเพื่อนต่างรุ่นซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นในครัวเรือนขยายมากกว่ารูปแบบการอยู่อาศัยอื่น ๆ

ดังนั้น จะเห็นได้ว่ารูปแบบการอยู่อาศัยมีความสัมพันธ์กับการมีกิจกรรมทางกายเพียงพอของเด็กและเยาวชนไทย ซึ่งเกิดจากการมีส่วนร่วมของสมาชิกในครัวเรือนและเพื่อน ๆ ในครัวเรือนพ่อแม่ลูกและครัวเรือนขยาย แต่ในครัวเรือนข้ามรุ่นและครัวเรือนเลี้ยงเดียวยังคงเป็นรูปแบบการอยู่อาศัยที่จะต้องได้รับการส่งเสริมในการมีกิจกรรมทางกาย และหนึ่งพื้นที่สำคัญที่จะช่วยให้เด็กและเยาวชนได้มีโอกาสในการทำกิจกรรมทางกายเคลื่อนไหวออกแรง วิ่งเล่น ออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาคือ โรงเรียน เพราะเพื่อนรุ่นเดียวกันและเพื่อนต่างรุ่นไม่เพียงแต่อยู่ในพื้นที่บ้านและชุมชนเท่านั้น บริบทของเพื่อนยังมีความสำคัญในพื้นที่โรงเรียน เพราะเด็กและเยาวชนจะใช้ชีวิตส่วนมากนอกเหนือจากบ้านคือโรงเรียน ดังนั้น การทำให้โรงเรียนเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และการเล่นของเด็กและเยาวชนจึงเป็นโอกาสที่สำคัญในการเพิ่มระดับของการมีกิจกรรมทางกาย

ที่มา: https://www.freepik.com (Premium)


เอกสารอ้างอิง

  1. De Rezende, L. F. M., Garcia, L. M. T., Mielke, G. I., Lee, D. H., Giovannucci, E., & Eluf-Neto, J. (2018). Physical activity and preventable premature deaths from non-communicable diseases in Brazil. Journal of Public Health, 41(3), e253–e260. https://doi.org/10.1093/pubmed/fdy183
  2. World Health Organization. (2019). Global action plan on physical activity 2018-2030: more active people for a healthier world. World Health Organization.
  3. World Health Organization. (2020). WHO guidelines on physical activity and sedentary behaviour. Geneva: World Health Organization. https://doi.org/10.1136/bmj.n1436
  4. Guthold, R., Stevens, G. A., Riley, L. M., & Bull, F. C.. (2020). Global trends in insufficient physical activity among adolescents: a pooled analysis of 298 population-based surveys with 1·6 million participants. The Lancet Child & Adolescent Health, 4(1), 23–35. https://doi.org/10.1016/s2352-4642(19)30323-2
  5. ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (ทีแพค). (2566). ผลการสำรวจโครงการพัฒนาระบบเฝ้าระวังติดตามพฤติกรรมด้านกิจกรรมทางกายของประชากรไทย ปี 2566. ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (TPAK), สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล.

 

 

 


Tags :

CONTRIBUTOR

Related Posts
Copyright © 2020 สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 73170
โทรศัพท์ 02-441-0201-4 โทรสาร 02-441-9333
Webmaster: piyawat.saw@mahidol.ac.th