ยิ่งอยู่บนโลกนี้นานขึ้น ความสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมของผู้เขียนยิ่งมากขึ้น อดทำให้สงสัยไม่ได้ว่า คนอื่นเขาเป็นเช่นเราไหม คือ ยิ่งสูงวัยยิ่งสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม คนรอบข้างผู้เขียนมีขีดความสนใจและพฤติกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือพฤติกรรมรักษ์โลกไม่เท่ากัน บางคนใช้พลาสติกทุกวันโดยไม่เสียเวลาหยุดคิดให้ปวดหัวว่าสุดท้ายแล้วพลาสติกเหล่านั้นจะไปอยู่ส่วนไหนของโลก ขณะที่อีกหลายคนไม่รับหลอดดูดและถุงพลาสติก พกขวดน้ำและกล่องข้าวมาเองเมื่อซื้ออาหารนอกบ้าน ปฏิเสธช้อนพลาสติกที่มาพร้อมข้าวกล่อง เรียกว่าใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังทุกฝีก้าว เพื่อให้การกิน การอยู่และการใช้ชีวิตของตัวเองกระทบต่อโลกนี้น้อยที่สุด
การใส่ใจรักษ์โลกเกี่ยวข้องกับวัยหรือเปล่า จริงหรือที่คนสูงวัยที่ผู้เขียนขอเรียกว่า รุ่นใหญ่ สนใจปัญหาสิ่งแวดล้อมมากกว่าคนก่อนสูงวัย ซึ่งบทความนี้ขอเรียกว่า รุ่นใหม่ หรือแทนที่เราจะมาสนใจว่า คนรุ่นไหนใส่ใจรักษ์โลกมากกว่ากัน เราควรจะตั้งคำถามที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เช่น คนแต่ละรุ่นจะร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์และฟื้นฟูโลกของเราได้อย่างไร
รูป 1: กล่องแก้วใส่อาหาร
ที่มา: freepik (Premium)
ทฤษฎี Generativity ทำนายว่า คนสูงวัย มีพฤติกรรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าคนอายุน้อย เพราะการสูงวัยมาพร้อมกับการได้ทบทวนบทบาทชีวิต เพิ่มพูนปัญญา เห็นความสำคัญของตนเอง และซาบซึ้งในความงามของชีวิต ผู้สูงวัยจึงกระตือรือร้นที่จะทำสิ่งดีๆ ที่ส่งผลในระยะยาวให้สังคม เป็นมรดกตกทอดให้คนรุ่นหลัง การปกป้องสิ่งแวดล้อมเป็นการแสดงออกถึงความห่วงใยของผู้สูงวัยต่อเพื่อนร่วมโลกรุ่นถัดๆ ไป ยิ่งกว่านั้น ผู้สูงวัยยังอ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมมากกว่าคนวัยอื่น โดยเฉพาะผลกระทบด้านสุขภาพ จึงให้คุณค่ากับการดูแลสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ การเคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในอดีต อาจทำให้ผู้สูงวัยตั้งมาตรฐานความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตไม่สูงเท่าคนรุ่นใหม่ จึงระมัดระวังเรื่องความสิ้นเปลืองและให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติมากกว่า
ในทางกลับกัน มีทฤษฎีที่เสนอว่า เมื่อคนสูงวัยรู้สึกว่ามีเวลาจำกัด ทำให้เป้าหมายในชีวิตเปลี่ยน จากการแสวงหาความรู้หรือการติดต่อทางสังคมใหม่ๆ ไปสู่เป้าหมายที่ให้ความสำคัญกับสภาวะณ ปัจจุบัน มากกว่าที่จะกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง การทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้นถูกมองว่า เป็นเป้าหมายระยะยาวที่อาจไม่กระทบต่อความเป็นอยู่ปัจจุบันของผู้สูงวัย ทำให้รุ่นใหญ่อาจให้ความสนใจปัญหาสิ่งแวดล้อม รับความคิดใหม่ๆ ที่เน้นคุณค่าของความยั่งยืน และมีพฤติกรรมปกป้องสิ่งแวดล้อมน้อยกว่ารุ่นใหม่
แนวคิดสิ่งแวดล้อมนิยมยังถูกมองว่า ไม่สอดคล้องกับตรรกะการเติบโตของระบบเศรษฐกิจทุนนิยม เป็นภัยคุกคามของระเบียบสังคมที่เป็นอยู่ เทียบกันแล้ว คนรุ่นใหญ่มักถูกมองว่ารับได้กับระบบสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และไม่เต็มใจที่จะเผชิญกับอุดมคติทางสิ่งแวดล้อมที่เป็นเรื่องใหม่ (innovative environmental ideology) ซึ่งมาพร้อมกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเท่าคนรุ่นใหม่
น่าสนใจว่า ข้อค้นพบจากงานวิจัยไม่ได้ไปในทางเดียวกัน งานวิจัยหนึ่งในไต้หวันศึกษาพฤติกรรมเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม (เช่น ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และใช้บริการขนส่งสาธารณะมากขึ้น) ของคนสามรุ่น คือ รุ่น Millennials (เกิด ค.ศ. 1981-1991) รุ่น X (เกิด ค.ศ. 1965-1980) และรุ่น Baby Boomers (BB) (เกิด ค.ศ. 1945-1964) ซึ่งพบว่า รุ่น BB มีความห่วงใยปัญหาสิ่งแวดล้อม และเชื่อว่าพฤติกรรมรักษ์โลกจะมีผลต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมมากกว่าอีกสองรุ่นวัย ในโลกฝั่งตะวันตกก็มีงานวิจัยในอังกฤษที่ให้ผลไปในทำนองเดียวกันว่า คนรุ่นใหญ่แสดงความเห็นในเชิงรักษ์โลก สนใจสินค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สนใจกระบวนการนำกลับมาใช้ซ้ำ ติดตามข่าวความแปรปรวนของโลกอยู่เสมอ และมีแนวโน้มไม่ซื้อสินค้าที่ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าคนรุ่นใหม่
ในทางตรงกันข้าม มีงานวิจัยที่พบว่า คนอายุน้อยมีพฤติกรรมเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าคนสูงวัย งานวิจัยหนึ่งในยุโรป พบว่า คนรุ่นใหม่เลือกซื้อรถยนต์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยคำนึงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นหลักมากกว่าคนสูงวัย อย่างไรก็ตาม ในการศึกษาเดียวกันนี้กลับพบว่า คนอายุน้อยมีพฤติกรรมการคัดแยกขยะน้อยกว่าคนสูงวัย นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่ศึกษาความเชื่อ การรับรู้ถึงความเสี่ยง และอารมณ์ความรู้สึกที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ และพบว่า คนอายุน้อยรู้สึกและรับรู้ถึงผลร้ายของการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศมากกว่ารุ่นสูงวัย
หลักฐานจากงานวิจัยเหมือนจะบอกว่า รุ่นวัยกับสิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องกัน แต่ยังเป็นที่ถกเถียง และไม่สามารถสรุปได้ว่ารุ่นวัยใดให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมหรือมีพฤติกรรมเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่ากัน และจะสรุปไปในทางไหน ต้องพิจารณาด้วยว่าเรากำลังพูดถึงพฤติกรรมเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมในเรื่องใด และในบริบทของพื้นที่ศึกษาใด
ผู้เขียนคิดว่า คำถามที่สำคัญกว่าคนรุ่นไหนรักษ์โลกมากกว่ากัน คือ เราแต่ละคน ไม่ว่าจะถูกแขวนป้ายว่า รุ่นใหญ่หรือรุ่นใหม่ จะช่วยกันเป็นส่วนหนึ่งของพลังในการรักษ์โลกของเราได้อย่างไร
เมื่อโลกตื่นตัวกับการปกปักรักษาสิ่งแวดล้อม แสงไฟมักจะส่องไปที่เด็กและเยาวชนในฐานะผู้ขับเคลื่อนอนาคตของโลกว่ากันว่า เยาวชนที่เติบโตมาในห้วงเวลาที่โลกหมุนด้วยสื่อสังคม กล้าเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ หากได้รับการปลูกฝังให้ตระหนักถึงความจำเป็นของการใช้ชีวิตในแนวปกป้องสิ่งแวดล้อม และทำให้การรักษ์โลกเป็นเรื่องปกติของการใช้ชีวิต เยาวชนจึงเป็นความหวังของการสร้างความเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น
ขณะเดียวกัน ในโลกของคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในวัยทำงาน เรามักได้ยินการเน้นย้ำให้เห็นความสำคัญของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ความใส่ใจสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้องค์กรพัฒนาและก้าวหน้า (เช่น การประหยัดพลังงาน ช่วยลดต้นทุนขององค์กร) ข่าวดีก็คือ คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น มีการสำรวจการตัดสินใจเลือกที่ทำงาน พบว่าสิ่งที่คนรุ่นใหม่ให้ใจเป็นอันดับต้นๆ รองจากเรื่องโอกาสของความก้าวหน้าในการทำงาน คือ ความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมขององค์กร สิ่งที่คนรุ่นใหม่มองหา คือ ที่ทำงานที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะการปกป้องดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น การมีนโยบายประหยัดพลังงานที่ชัดเจน ไม่ว่านี่จะเป็นเพราะกระแสของโลก หรือสาเหตุใดก็ตาม การที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการรักษ์โลก ทำให้ความคาดหวังของผู้เขียนถึงโลกอนาคตอันสดใสดูจะเรืองรองมากขึ้น
ส่วนรุ่นใหญ่นั้น งานวิจัยในต่างประเทศที่พบความสัมพันธ์ในทางบวกระหว่างการสูงวัยกับพฤติกรรมเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม มีนัยว่า การมีชีวิตยืนยาวอาจเป็นโอกาสที่จะทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น น่าเสียดายที่ผู้เขียนยังไม่พบงานวิจัยของไทยที่พูดถึงผู้สูงวัยกับพฤติกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อมมากนัก ทั้งๆ ที่สัดส่วนผู้สูงวัยในไทยกำลังจะสูงขึ้นเป็นหนึ่งในสามของประชากรทั้งหมดแล้ว ประเด็นผู้สูงวัยกับสิ่งแวดล้อมจึงเป็นช่องว่างทางการวิจัยที่สำคัญ
การปั้นแต่งให้โลกและสิ่งแวดล้อมเป็นไปในแบบที่เราต้องการ ไม่ได้เป็นความรับผิดชอบของเด็ก เยาวชน หนุ่มสาววัยทำงาน คนสูงวัย หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แต่คือ ความรับผิดชอบของทุกๆ คน ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมต้องการการตอบสนอง การมีส่วนร่วม และการขยับขับเคลื่อนไปด้วยกันของคนทุกรุ่นวัย คนรุ่นใหม่มีอิสระในการเลือกที่จะมีพฤติกรรมด้านสิ่งแวดล้อมที่จะเป็นรากฐานให้กับชีวิตของพวกเขาต่อไปในวันข้างหน้า และสามารถแสดงบทบาทเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในครอบครัวและที่ทำงาน ขณะเดียวกัน คนรุ่นใหญ่ไม่ได้เป็นเพียงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศเท่านั้น แต่ยังสามารถแสดงศักยภาพและบทบาทเพื่อร่วมกันค้นหาทางออกของปัญหา เป็นผู้ขับเคลื่อนที่เข้มแข็งในการสนับสนุนพฤติกรรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
รูป 2: ทุกรุ่นร่วมกันเป็นส่วนหนี่งของพลังในการรักษ์โลก
ที่มา: freepik (Premium)
เอกสารค้นคว้า