ในอดีต ครอบครัวไทยนิยมอยู่ร่วมกันหลายรุ่น ทำให้การดูแลผู้สูงอายุเป็นเรื่องง่ายตามธรรมชาติ แต่เมื่อสังคมเปลี่ยนไป ลูกหลานจำนวนมากต้องย้ายถิ่นฐาน ทิ้งให้ผู้สูงอายุอยู่ลำพังในชนบทหรือพื้นที่ห่างไกล หรือสังคมในเมือง ที่ต้องเร่งรีบและทิ้งให้ผู้สูงอายุอยู่บ้านเพียงลำพัง ไรเดอร์จึงกลายมาเป็น "ญาติ" คนใหม่ในยุคดิจิทัล ไม่เพียงส่งอาหารและของใช้จำเป็น แต่ยังเชื่อมโยงความรักและความห่วงใยระหว่างครอบครัว
ภาพจาก https://pixabay.com/th/images/search/ -
ตัดต่อภาพโดยผู้เขียน
ไรเดอร์: สายใยใหม่ในครอบครัวไทยยุคดิจิทัล
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครอบครัวไทยในปัจจุบันสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะการย้ายถิ่นฐานของคนรุ่นใหม่จากชนบทสู่เมืองเพื่อหางานทำ ส่งผลให้ผู้สูงอายุจำนวนมากต้องอาศัยอยู่ตามลำพัง กับอยู่กับคู่สมรสตามลำพัง โดยขาดการดูแลใกล้ชิดจากลูกหลานเหมือนในอดีต
แนวโน้มการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุในครัวเรือนไทยแสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นของครัวเรือนที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ตามลำพัง กับอยู่กับคู่สมรสตามลำพัง โดยในปี 2564 มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ตามลำพังร้อยละ 12.0 และอาศัยอยู่กับคู่สมรสตามลำพังร้อยละ 21.1 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 10.8 และ 20.0 ตามลำดับ และแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไป โดยในปี 2567 สัดส่วนผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ตามลำพังเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 12.9 และผู้ที่อาศัยอยู่กับคู่สมรสตามลำพังเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 22.6 สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของครัวเรือนไทยที่มีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น และการดูแลจากครอบครัวที่ลดลง1
ในบริบทเช่นนี้ บริการไรเดอร์ (Rider) ได้กลายเป็นตัวกลางสำคัญที่ช่วยเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างลูกหลานที่อยู่ในเมืองกับผู้สูงอายุที่อยู่ในชนบท โดยไม่เพียงแต่ส่งของจำเป็นหรืออาหาร แต่ยังเป็นช่องทางในการส่งความห่วงใยและความรักจากลูกหลานถึงผู้สูงอายุ แม้จะอยู่ห่างไกลกัน ผู้สูงอายุในชนบทจำนวนมากพึ่งพาบริการไรเดอร์ในการรับสิ่งของจากลูกหลานที่ทำงานในเมือง เช่น ยา อาหาร หรือของใช้จำเป็น ซึ่งช่วยลดความกังวลและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้สูงอายุ2 อย่างไรก็ตาม การใช้บริการไรเดอร์ก็มีข้อควรระวัง โดยเฉพาะปัญหามิจฉาชีพที่อาจแฝงตัวเข้ามา ทำให้ผู้สูงอายุบางส่วนอาจรู้สึกไม่ปลอดภัยหรือกังวลใจ ดังนั้น การเลือกใช้บริการจากแพลตฟอร์มที่มีความน่าเชื่อถือและมีระบบตรวจสอบที่รัดกุมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ผู้สูงอายุรู้สึกมั่นใจและปลอดภัยมากขึ้น3
ในภาพรวม ไรเดอร์ไม่ได้เป็นเพียงผู้ส่งของ แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวในยุคดิจิทัล ที่แม้จะอยู่ห่างไกลกัน แต่ความห่วงใยและความรักยังสามารถส่งถึงกันได้ผ่านบริการเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม การสื่อสารและการสร้างความเข้าใจระหว่างลูกหลานกับผู้สูงอายุเกี่ยวกับการใช้บริการเหล่านี้ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ผู้สูงอายุรู้สึกปลอดภัยและได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม4 จากภาพที่ได้พบเห็นจริง บ้านตรงข้ามของผู้เขียนเป็นบ้านของหญิงชราอายุประมาณ 70 ปี ที่อาศัยอยู่ลำพัง ในขณะที่ลูกชายและลูกสาวทำงานในเมืองใหญ่ ลูกชายและลูกสะใภ้ออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อไปทำงาน ส่วนลูกสาวกลับมาเยี่ยมแม่เฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ ความเร่งรีบและปัญหาการจราจรทำให้ลูกๆ ไม่สามารถซื้ออาหารหรือสิ่งของจำเป็นให้แม่ได้ด้วยตัวเอง สิ่งที่ผู้เขียนเห็นจนชินตา คือ ไรเดอร์ที่มากดกริ่งหน้าบ้านเกือบทุกเช้า พร้อมอาหาร ยา หรือของใช้ที่ลูกๆ สั่งผ่านแอปพลิเคชันมาส่งให้แม่ บริการนี้ช่วยลดความลำบากของหญิงชราอย่างมาก เธอไม่จำเป็นต้องเดินทางไปตลาดเอง แต่ยังคงได้รับสิ่งจำเป็นครบถ้วน ไรเดอร์เหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่คนส่งของ แต่เปรียบเสมือน "ญาติ" คนใหม่ที่ช่วยดูแลผู้สูงอายุในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น การส่งอาหารทุกมื้อ หรือการนำยารักษาโรคมาส่งให้ ความสัมพันธ์นี้สะท้อนภาพของครอบครัวไทยในยุคดิจิทัล ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการดูแลความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุ
ความสัมพันธ์ระหว่างไรเดอร์และผู้สูงอายุยังถูกสะท้อนผ่านสื่อออนไลน์ เช่น คลิปวิดีโอจากผู้ใช้ Tiktok ชื่อ cwk_080 ที่โพสต์คลิปโมเมนต์สุดซึ้งระหว่างไรเดอร์กับคุณย่าเจ้าของบ้าน ที่ผู้โพสต์ได้ไปส่งพัสดุเป็นเวลานานกว่า 3 ปี จนมีความสนิทสนมกับคุณย่าเป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่คุณย่าสามารถจำเสียงรถของผู้โพสต์ได้เลย ถ้าเป็นพนักงานส่งพัสดุคนอื่นคุณย่าจะไม่สนใจ แต่พอเป็นผู้โพสต์เมื่อไหร่คุณย่าก็จะชอบออกมาคุยด้วย5 คุณย่ามอบเงิน 100 บาท พร้อมคำอวยพรและบอกรักอย่างเอ็นดู เหมือนเป็นย่าหลานกันจริง ๆ หลังรู้จักกันมานานกว่า 3 ปี จนสนิทสนม ผู้โพสต์เผยว่าไม่เคยได้รับความรักจากปู่ย่าตายายมาก่อน การได้เจอคุณย่าทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจ และขอบคุณที่มอบความรักและเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป6
แม้ว่าไรเดอร์จะได้รับค่าตอบแทนจากการให้บริการ แต่สำหรับผู้ใช้บริการ สิ่งที่ได้รับกลับมานั้นมีคุณค่ามากกว่าเพียงสินค้า นั่นคือความรัก ความสะดวกสบาย และความมั่นใจที่ไรเดอร์มอบให้ในยุคที่ครอบครัวไม่ได้อยู่พร้อมหน้าเหมือนในอดีต ไรเดอร์จึงไม่ได้เป็นเพียง "ผู้ส่งของ" แต่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันในสังคมดิจิทัล บทบาทที่โดดเด่นและคุณค่าที่ไรเดอร์มอบให้นั้น สะท้อนให้เห็นว่า เขาเหล่านั้นได้ช่วยเติมเต็มเหล่านี้:-
ไรเดอร์ไม่ได้เป็นเพียงผู้ส่งของ แต่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกลไกที่ช่วยสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เชื่อมโยงความสัมพันธ์ในครอบครัว และส่งมอบคุณค่าทางสังคม ความต้องการบริการไรเดอร์เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ที่การจัดส่งอาหารและสิ่งของจำเป็นกลายเป็นหัวใจของชีวิตประจำวัน แนวคิดเศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy) ได้ผลักดันบริการนี้ในระดับโลก ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Uber Eats และ Deliveroo ในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ก่อนจะขยายตัวในเอเชียด้วย Grab และ Foodpanda7
ญี่ปุ่นบริการที่โดดเด่นอย่าง Co-op Deli ได้พิสูจน์ถึงศักยภาพของไรเดอร์ช่วยให้ผู้สูงอายุเข้าถึงอาหารสดและสินค้าจำเป็นได้อย่างสะดวกสบาย บริการนี้ครอบคลุมพื้นที่สำคัญ เช่น โตเกียว คานางาวะ และไซตามะ พร้อมตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของสมาชิกผู้สูงอายุ ด้วยการจัดส่งที่รวดเร็วและปลอดภัย8 สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า
ไรเดอร์ไม่ใช่แค่อาชีพ แต่คือกำลังสำคัญในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนได้อย่างแท้จริง
ประเทศไทย บริการไรเดอร์เติบโตขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปี 2560 ผ่านแพลตฟอร์มหลัก เช่น Grab LINE MAN และ Foodpanda โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ที่การจัดส่งกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน9
ไรเดอร์ไม่ได้เป็นเพียงผู้ส่งของ แต่ยังช่วยเติมเต็มช่องว่างในครอบครัว ทั้งในด้านการดูแลผู้สูงอายุและความสะดวกสบายในยุคดิจิทัล
(1) จำนวนไรเดอร์ในประเทศไทย มีประมาณ 300,000 ถึง 400,000 คน ในช่วงต้นปี 256410 โดยแบ่งเป็นไรเดอร์ของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ดังนี้: Grab: ประมาณ 200,000 คน; LINE MAN: ประมาณ 100,000 คน; Robinhood: ประมาณ 80,000 คน อย่างไรก็ตาม ไรเดอร์หนึ่งคนอาจทำงานกับหลายแพลตฟอร์มพร้อมกัน ดังนั้น จำนวนไรเดอร์ทั้งหมดอาจมีการนับซ้ำกันได้11 การเพิ่มขึ้นของจำนวนไรเดอร์ ซึ่งไปในทิศทางเดียวกันกับประเทศไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว โดยปี พ.ศ. 2567 ประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 13,450,391 คน คิดเป็นร้อยละ 20.70 ของประชากรทั้งหมด12
แนวโน้มการใช้บริการไรเดอร์ในกลุ่มผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคที่เน้นความสะดวกสบายมากขึ้น ความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้สูงวัย รวมถึงข้อจำกัดด้านการเดินทางและการใช้ชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่เพียงลำพัง ปัจจุบันพบว่า 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น ชลบุรี และนครราชสีมา มีการใช้บริการไรเดอร์มากที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับลักษณะทางภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจ และพฤติกรรมผู้บริโภคในพื้นที่13 แม้จำนวนไรเดอร์ที่ให้บริการยังไม่มีความชัดเจน เนื่องจากมีการเข้าออกของแรงงานในอาชีพนี้บ่อยครั้ง และขาดการบันทึกข้อมูลอย่างเป็นระบบ แต่แนวโน้มการขยายตัวของบริการเดลิเวอรี่ในเมืองใหญ่สะท้อนให้เห็นว่า ผู้สูงอายุมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดนี้ ทั้งในแง่ของการเป็นกลุ่มผู้บริโภคหลักที่พึ่งพาการจัดส่งอาหารและสินค้าถึงบ้าน นอกจากนี้ การแพร่หลายของแพลตฟอร์มดิจิทัลและบริการไรเดอร์ที่มีตัวเลือกเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ เช่น บริการช่วยซื้อของจากซูเปอร์มาร์เก็ต บริการส่งยาถึงบ้าน และการจัดส่งอาหารเพื่อสุขภาพ ได้ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความมั่นใจให้กับกลุ่มผู้สูงวัยมากขึ้น สิ่งนี้สะท้อนถึงศักยภาพของตลาดที่ยังสามารถเติบโตต่อไปได้ในอนาคต
(2) รายได้ของไรเดอร์ในประเทศไทยมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มที่ทำงานและความขยันของแต่ละบุคคล โดยทั่วไป รายได้เฉลี่ยของไรเดอร์อยู่ที่ประมาณ 18,000 บาทต่อเดือน อย่างไรก็ตาม ไรเดอร์ประมาณ 10% ที่มีรายได้สูงกว่า 20,000 บาทต่อเดือน และบางส่วนที่มีรายได้สูงถึง 40,000 บาทต่อเดือน สำหรับแพลตฟอร์ม Robinhood รายได้เฉลี่ยของไรเดอร์อยู่ที่ประมาณ 25,000 – 35,000 บาทต่อเดือน14
ในอนาคตบทบาทของไรเดอร์ในประเทศไทยอาจพัฒนาไปไกลกว่าการส่งมอบสินค้าแบบดั้งเดิม ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ซึ่งเป็นข้อดีของการพัฒนาบทบาทไรเดอร์ในประเทศไทยด้วยเทคโนโลยี เช่น
เทคโนโลยีไม่เพียงเปลี่ยนวิถีชีวิตของเรา แต่ยังสร้างโอกาสในการส่งเสริมบทบาทของไรเดอร์ในฐานะตัวกลางที่ช่วยเชื่อมโยงและดูแลครอบครัว การยอมรับและสนับสนุนบทบาทนี้อย่างเหมาะสม จะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาสังคมไทย โดยเฉพาะการช่วยให้ผู้สูงอายุดำรงชีวิตได้อย่างมั่นคงและมีคุณค่าในยุคดิจิทัล การสนับสนุนบทบาทไรเดอร์อย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงช่วยลดช่องว่างในครอบครัว แต่ยังช่วยสร้างความยั่งยืนในชุมชนและเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต
อ้างอิง