The Prachakorn

ทำไมเด็กและเยาวชนไทยถึงชอบใช้สื่อสังคมออนไลน์?


นงนุช จินดารัตนาภรณ์

14 มีนาคม 2568
176



เด็กและเยาวชนไทยมีแนวโน้มใช้อินเทอร์เน็ตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้สื่อของเด็กและเยาวชนอายุ 6 – 24 ในช่วง ปี 2562 – 2566 ยืนยันว่า เด็กและเยาวชนมีการใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 86.3 ในปี 2562 เป็นร้อยละ 98.2 ในปี 25661 และในปี 2567 เด็กและเยาวชนไทยใช้สื่อสังคมออนไลน์ ได้แก่ เฟซบุ๊ก ยูทูบ ติ๊กต็อก  มากเป็นอันดับที่ 17 ของโลก โดยใช้เวลากับสื่อสังคมออนไลน์ประมาณ 2.31 ชั่วโมงต่อวัน2

เหตุใดเด็กและเยาวชนไทยถึงชอบใช้สื่อสังคมออนไลน์?

บทความวิชาการของต่างประเทศระบุว่า มีหลายสาเหตุที่ทำให้เด็กและเยาวชนชอบใช้สื่อสังคมออนไลน์ ได้แก่ ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนมีราคาถูกลง ทำให้เด็กสามารถเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์ได้ง่ายขึ้น สื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทางหลักในการติดต่อกับเพื่อนและครอบครัว สื่อสังคมออนไลน์เหล่านี้มีเนื้อหาที่หลากหลาย เช่น วิดีโอ เพลง เกม และมีมที่ดึงดูดความสนใจของเด็ก สื่อสังคมออนไลน์เป็นแหล่งข้อมูลที่ทันสมัย ช่วยให้เด็กติดตามข่าวสาร เทรนด์ใหม่ๆ และเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และสื่อสังคมออนไลน์มีการโฆษณาที่ดึงดูดความสนใจของเด็ก ทำให้พวกเขาติดตามแบรนด์หรือสินค้าต่างๆ3

ข้อมูลข้างต้นเน้นปัจจัยแวดล้อมที่มีผลต่อความชอบสื่อสังคมออนไลน์ของเด็กและเยาวชน อย่างไรก็ตาม หากเราใช้ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับแรงจูงใจมาอธิบายถึงเหตุผลว่า ทำไมเด็กและเยาวชนไทยชอบใช้สื่อสังคมออนไลน์ อาจทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมการใช้สื่อของเด็กและเยาวชนได้มากยิ่งขึ้น โดยทฤษฎีที่สามารถนำมาอธิบายถึงแรงจูงใจที่มีผลต่อการใช้สื่อสังคมออนไลน์ คือ ทฤษฎีการกำหนดตนเอง (Self-Determination Theory: SDT) กจิตวิทยาที่ชื่อ Edward Deci และ Richard Ryan ได้พัฒนาทฤษฎี SDT โดยมีสาระสำคัญคือ แรงจูงใจของมนุษย์เกิดจากความต้องการพื้นฐาน 3 ประการ ได้แก่ 1) ความต้องการมีความรู้สึกว่าตนเองมีความสามารถ (competence) 2) ความต้องการมีอิสระ (autonomy) และ 3) ความต้องการมีความสัมพันธ์ (relatedness) ซึ่งทั้ง 3 ประการนี้จะส่งผลต่อการสร้างแรงจูงใจให้กับตนเอง (self-motivation)4

ทฤษฎี SDT สามารถนำมาอธิบายได้ว่าทำไมเด็กไทยถึงชอบใช้สื่อสังคมออนไลน์ได้ดังนี้

  1. ความต้องการมีความรู้สึกว่าตนเองมีความสามารถ (competence) เด็กและเยาวชนไทยใช้สื่อสังคมออนไลน์เพราะทำให้ความรู้สึกว่าตนเองมีความสามารถ เช่น การโพสต์รูปภาพ วิดีโอ หรือข้อความ และได้รับข้อมูลย้อนกลับ (feedback) เชิงบวก เช่น การไลก์ การแชร์ หรือคอมเมนต์ ทำให้เด็กๆ รู้สึกว่า ตนเองมีความสามารถในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า หรือการตัดต่อวิดีโอ การถ่ายภาพ หรือการเขียนคอนเทนต์ด้วยตัวของเด็กเอง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความรู้สึกนี้ให้แก่เด็ก
  2. ความต้องการมีอิสระ (autonomy) เด็กไทยสามารถเลือกแสดงความคิดเห็น เลือกแสดงไลฟ์สไตล์  หรือความสนใจของตนเองผ่านสื่อสังคมออนไลน์ได้อย่างอิสระ โดยไม่ถูกควบคุมจากผู้ใหญ่ นอกจากนี้ สื่อสังคมออนไลน์ทำให้เด็กและเยาวชนมีพื้นที่ส่วนตัวในการสร้างตัวตนออนไลน์ ทำให้พวกเขารู้สึกว่า ตนเองมีอำนาจในการกำหนดชีวิตของตัวเอง ดังนั้น สื่อสังคมออนไลน์จึงเป็นแพลตฟอร์มที่ให้อิสระในการแสดงออกและตัดสินใจของเด็กและเยาวชน
  3. ความต้องการมีความสัมพันธ์ (relatedness) เด็กและเยาวชนไทยใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้เพื่อติดต่อกับเพื่อน ครอบครัว และคนรู้จัก รวมถึงสร้างเครือข่ายใหม่ๆ การมีปฏิสัมพันธ์ทางออนไลน์ เช่น การแชท การคอมเมนต์ หรือการเข้าร่วมกลุ่มชุมชนออนไลน์ จะช่วยให้เด็กๆ รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม สื่อสังคมออนไลน์จึงเป็นช่องทางหลักในการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ของพวกเขา

นอกจากนี้ ทฤษฎี SDT ยังเน้นเรื่องแรงจูงใจภายในและภายนอกที่สื่อสังคมออนไลน์ตอบสนองความต้องการของเด็กและเยาวชนไทยได้ดี ด้านแรงจูงใจภายใน เด็กและเยาวชนไทยใช้สื่อสังคมออนไลน์ เพราะรู้สึกสนุก เพลิดเพลิน หรือมีความสุขในการสร้างคอนเทนต์และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น อีกทั้งการได้ติดตามเรื่องราวความสนใจส่วนตัว เช่น ดารา กีฬา เกม หรือแฟชั่น ก็เป็นแรงจูงใจภายในที่ทำให้เด็กและเยาวชนใช้เวลากับแพลตฟอร์มเหล่านี้มากขึ้น ในส่วนของแรงจูงใจภายนอก การได้รับรางวัลทางสังคม เช่น การไลก์ การแชร์ หรือการยอมรับจากผู้อื่น การแข่งขันหรือการเปรียบเทียบกับเพื่อนๆ ในโลกออนไลน์ก็เป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เด็กและเยาวชนใช้งานมากขึ้น ดังนั้น เด็กและเยาวชนไทยอาจใช้สื่อสังคมออนไลน์ เพื่อตอบสนองแรงจูงใจภายนอกด้วย

ทฤษฎี SDT ช่วยอธิบายว่า เด็กและเยาวชนไทยชอบใช้สื่อสังคมออนไลน์ เพราะสื่อนี้ตอบสนองความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ ได้แก่ ความสามารถ ความมีอิสระ และความสัมพันธ์ นอกจากนี้ สื่อสังคมออนไลน์ยังสร้างทั้งแรงจูงใจภายในและภายนอกที่ดึงดูดให้เด็กไทยใช้เวลากับสื่อเหล่านี้มาก และมากขึ้น


เอกสารอ้างอิง  

  1. สำนักสถิติแห่งชาติ. (2566). การใช้ไอซีทีของเด็กและเยาวชน พ.ศ.2566. สำนักงานสถิติแห่งชาติ.
  2. Leesa-Nguansuk, S. (2024, 1 February 2024). Thais among top social media users. Bangkok Post. https://www.bangkokpost.com/business/general/2734744/thais-among-top-social-media-users
  3. Dworkin, J. (2021). Teens online and social media use. University of Minnesota Retrieved 26 February from https://extension.umn.edu/parenting-and-caregiving/teens-online-and-social-media-use
  4. Deci, E.M. & Ryan, R.M.. (1985). Intrinsic Motivation and Self-Determination in Human Behavior. Plenum Press.

 


Tags :

CONTRIBUTOR

Related Posts
Copyright © 2020 สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 73170
โทรศัพท์ 02-441-0201-4 โทรสาร 02-441-9333
Webmaster: piyawat.saw@mahidol.ac.th