“โรคภูมิแพ้” มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น กรรมพันธุ์ การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมจากสังคมชนบทเป็นสังคมเมือง มลพิษทางอากาศที่เพิ่มขึ้น เป็นต้น “สารก่อภูมิแพ้” ก็มีหลากหลาย แต่เพื่อให้รู้แน่ชัดว่าแพ้อะไรกันแน่ก็ควรพบแพทย์ เพื่อทำการทดสอบที่ผิวหนัง เพื่อทราบและหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้นั้น
การรักษาภูมิแพ้ทำได้โดยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ หรือการรับประทานยาต้านฮิสทามีนที่ช่วยป้องกันการเกิดอาการภูมิแพ้ ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ ควรทำความสะอาดที่พักอาศัยและเครื่องนอนเป็นประจำ หลีกเลี่ยงและอยู่ห่างไกลจากฝุ่นละออง ควันรถยนต์ ควันไอจากโรงงาน ควันบุหรี่ หรือสิ่งกระตุ้นทั้งหลาย ที่สำคัญควรออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อสร้างภูมิต้านทานให้สุขภาพแข็งแรง
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยสถิติของสมาคมโรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยาแห่งประเทศไทย พบโรคภูมิแพ้ในเด็กไทยสูงถึงร้อยละ 38 และพบในผู้ใหญ่ประมาณร้อยละ 20 ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มีมากขึ้นถึง 3-4 เท่าเมื่อเทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมา
ภาพโดย Mojca JJ จาก Pixabay