กลิ่นควันไฟอ่อนๆ จากเตาถ่าน อั้งโล่ เสียงตะหลิวกระทบกระทะพร้อมมีเสียงตะโกนทักทายในตอนเช้าตรู่จากเพื่อนบ้าน
“วันนี้ไปทำงานอะไร ยายต้อย ?”
“ไปปลูกหน่อสับปะรดที่เหลืออีกหมื่นกว่าหน่อก็เสร็จแล้ว..ยายเล็ก ต้องออกเช้า ๆ หน่อยเดี๋ยวสายจะร้อน....ไปล่ะนะ”
เสียงตอบกลับจากคนถูกถามซึ่งกำลังซ้อนมอเตอร์ไชต์คันเก่าเตรียมออกทำงานพร้อมด้วยสัมภาระรุงรังทั้ง ปิ่นโตบรรจุอาหารเช้าและอาหารกลางวันเพื่อรับประทานในสวนที่ตนไปรับจ้างทำงาน กระติกน้ำแข็งที่บรรจุน้ำแข็งเต็ม รวมทั้งจอบขนาดเล็กที่ดูแล้วกระชับ แล้วยายต้อยก็ซ้อนมอเตอร์ไซต์คันเก่าเสียงดังออกไปกับสามีสุดที่รักเพื่อไปทำงาน ภาพที่เห็นช่างเป็นภาพที่ดูอบอุ่น และมีความสุข สร้างรอยยิ้มเล็ก ๆ ให้กับคนที่เห็น
“อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” เป็นแคมเปญที่รัฐบาลสร้างขึ้นเพื่อหยุดการแพร่กระจายของเชื้อโรคติดต่อไวรัสโคโรนา COVID-19 ในมุมของคนที่มีบ้านอยู่ต่างจังหวัดอย่างผู้เขียนก็ต้องกลับบ้านนอกตามระเบียบ ชีวิตนักศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 เริ่มต้นขึ้นอย่างสมบูรณ์ที่บ้านนอก
ด้วยความเป็นชนบทของบ้านเกิด ระยะทางห่างจากตัวอำเภอเมืองประมาณ 80 กิโลเมตร บรรยากาศดี อากาศบริสุทธิ์เพราะอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดเพชรบุรีและในขณะนี้ได้มีการดำเนินการขอขึ้นทะเบียนให้อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นมรดกโลกอีกด้วย ดังนั้นไม่แปลกที่สภาพอากาศ และความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์ป่ายังอยู่
“เอก..อี๊..เอ้ก..เอ้ก...!!!”
เสียงไก่ขันปลุกในตอนเช้าที่มีอุณหภูมิลดต่ำ อากาศที่เย็นสบายทำให้ผู้เขียนไม่อยากลุกจากที่นอนเลย แต่เมื่อตัดสินใจลุกจากที่นอนเพื่อออกมาสูดอากาศอันสดชื่น ในตอนเช้า ไอเย็นปะทะจมูกเมื่อสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อย่างเต็มปอด อากาศที่บริสุทธิ์สามารถรับรู้ได้เพราะช่างเป็นความรู้สึกที่ต่างจากเช้าวันใหม่ในเมืองกรุงอย่างสิ้นเชิง หลังจากทำกิจวัตรในตอนเช้าเรียบร้อยแล้ว การประกอบอาหารเช้าก็เป็นเมนูที่เรียบง่ายแสนอร่อย ไข่เจียว และต้มจืด พร้อมข้าวร้อน ๆ เสิร์ฟพร้อมรับประทานกับแม่และพูดคุยกันในโต๊ะอาหารตามประสาแม่ลูก ช่างเป็นสิ่งที่มีความสุขมากจริง ๆ
“ในความเป็นจริงแล้วเราต้องการอะไรในชีวิตกันแน่”
ภาพ: สนธยา สุภาการ
บ้านหลังใหญ่โต ? รถหรู ? อาหารดี ๆ แพง ๆ ? เหล่านั้นเป็นความสุขที่แท้จริงหรือไม่ ? หรือเราแค่ต้องการรับประทานอาหารเพื่อความอยู่รอด ใช้ชีวิตที่แสนเรียบง่าย มีความสุข มีครอบครัวและมีคนที่เรารักอยู่เคียงข้างเท่านั้น ?
เวลาที่มีความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ เมื่อเปิดอ่านอีเมลล์ ส่งจากอาจารย์ผู้สอนประจำรายวิชาที่ผู้เขียนลงทะเบียนเรียนไว้ ต้องทำให้เรากลับมาคิดหนักอีกครั้ง เพราะการเรียนต้องดำเนินต่อไปเพื่อให้จบการศึกษาตามที่ได้กำหนดไว้ แต่ต้องมีการปรับวิธีการเรียนการสอนจากเดิมที่จะต้องมาเข้าห้องเรียนที่มหาวิทยาลัย แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์โรคระบาดเกิดขึ้นทางมหาวิทยาลัยมีนโยบายจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์เพราะไม่สามารถคาดเดาความรุนแรงและสถานการณ์ได้ว่าเหตุการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อนี้จะยังคงระบาดต่อไปและทวีความรุนแรงหรือไม่อีกนานเท่าใด
เมื่อกำหนดว่าจะต้องมีการเรียนการสอนด้วยวิธีออนไลน์ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการใช้อินเตอร์ก็เริ่มต้นขึ้น ในการทดสอบโปรแกรมการเรียนรูปแบบออนไลน์ในวันแรกเป็นไปอย่างตะกุกตะกักพอสมควรกับผู้เขียน เพราะปัญหาเรื่องความเร็วและความแรงของสัญญาณอินเตอร์เน็ตแม้จะมี “เน็ตประชารัฐ” ที่ส่งถึงทุกหมู่บ้านทั่วไทย แต่ยังคงไม่สามารถใช้ได้ที่บ้านของผู้เขียน การใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตบ้านนั้นยากมาก ด้วยเหตุผลจากทางผู้ให้บริการว่า
“ทางเราไม่มีนโยบายขยายเขตสัญญาณ เพราะภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ไม่คุ้มค่ากับการลงทุนเพิ่มค่ะ”
เมื่อได้ฟังดังนั้นผู้เขียนก็ถึงกับถอนใจ เพราะสอบถามทุกเครือข่ายอินเตอร์เน็ตไม่มีใครมาติดตั้งให้แม้แต่เครือข่ายเดียว จึงใช้อินเตอร์เน็ตจากมือถือซึ่งซื้อแพ็คเกจที่เร็วและแรงที่สุดก็ยังคงพบปัญหาในการโต้ตอบกับอาจารย์ผ่านการเรียนการสอนออนไลน์ไม่มากก็น้อย
แม้ว่าการบ้านและงานที่รุมเร้า-กับปัญหาอินเตอร์เน็ตที่บ้านนอกทำให้ผู้เขียนเครียดอยู่บ้าง แต่ในความโชคร้ายนั้น กลับพบว่าเพื่อนบ้านเมื่อได้รู้ว่าผู้เขียนกลับมาอยู่บ้านต่างก็แวะมาทักทาย พูดคุย ไถ่ถามอยู่ที่บ้านไม่ขาดสาย ผู้เขียนเป็นคนชอบทำอาหารและเมื่อทำแล้วก็มักจะแจกจ่ายกับเพื่อนบ้านอย่างทั่วถึง แปรรูปอาหารจากสิ่งที่เพื่อนบ้านนำมาฝาก และตอบแทนให้กลับไป ต่างคนต่างก็ดีใจมีความสุขเมื่อได้รับ อิ่มท้องอิ่มใจกันถ้วนหน้า ผลผลิตในสวนของแต่ละคนมาแลกเปลี่ยนแบ่งปันกันกิน เช่น กล้วย ชมพู่ สับปะรด ฟักทอง ลำไย มะม่วง มะนาว ผักสด ปลา และขนมเมนูต่าง ๆ เช่น เค้กกล้วยหอม หมั่นโถวฟักทอง ซาลาเปา เค้กหน้าต่าง ๆ ส่งกลับให้กับทุกคนที่มีน้ำใจ ซึ่งภาพเหล่านี้ทำให้ผู้เขียนมีความสุขเสมอกับสิ่งที่เอื้ออาทรต่อกัน ซึ่งเมื่อย้อนคิดไป ช่างต่างกับชีวิตในเมืองที่ผู้เขียนได้อาศัยอยู่เสียจริง เพราะขนาดห้องติดกันยังไม่รู้จัก ตึกเดียวกันไม่เคยทักกันเลยก็มี
ภาพหนึ่งที่พบเห็นในวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 นั้น พบว่า ชาวบ้านไม่ได้ตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกคนก็ยังคงทำงานกันเป็นปกติ แต่ผลกระทบจากการปิดตลาดค้าขายสินค้าทางการเกษตร ส่งผลให้ผลผลิตส่วนใหญ่ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของคนในชุมชนไม่สามารถนำออกจำหน่ายได้ เพราะไม่มีพ่อค้าแม่ค้าคนกลางรับซื้อเพื่อส่งต่อไปขายยังกรุงเทพฯ ทำให้หลายคนมีรายได้ลดลง เมื่อเกิดผลกระทบนี้บางรายถึงกับต้องเปลี่ยนอาชีพ เช่น ไปรับจ้างใช้แรงงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวอีกทาง
แต่อีกมุมที่เป็นสีสันให้กับชาวบ้านก็คงจะเป็นบรรดาสาว ๆ รุ่นใหญ่ที่ยังคงเหนียวแน่นในการจับกลุ่มคณิตคิดเร็ว (เล่นไพ่) อย่างเอาจริงเอาจัง ดูเหมือนจะเป็นสถานที่แห่งเดียวที่มีอัตราการแลกเปลี่ยนสูงที่สุดเมื่อเกิดโรคระบาดครั้งนี้ ช่วงปิดเทอมก็มักจะเห็นภาพเด็กผู้ชายรวมกลุ่มถอดเสื้อเหลือแต่กางเกงตัวจิ๋วเล่นน้ำ หาปลาในบ่อน้ำแห้งขอดกันอย่างสนุกสนาน เนื้อตัวมอมแมมและกลิ่นโคลนติดตัวคลุ้ง เดินถือปลาที่ห้อยด้วยเชือกกลับบ้านมาอวดแม่เพื่อให้แม่ปรุงอาหารในมื้อถัดไป ถามว่ากลัวโรคที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ไหม ? ชาวบ้านทุกคนกลัว แต่...จะทำอย่างไรในเมื่อชีวิตต้องดำเนินต่อไป ไม่ทำงานจะเอาที่ไหนกิน ต้องทำงานเพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว ป้องกันเท่าที่จะป้องกันได้ ใส่หน้ากากอนามัย เมื่อไปซื้อสินค้าและล้างมือด้วยสบู่ ใช้ชีวิตให้มีความสุขเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
เสียงนกเค้าแมว เสียงจักจั่นร้องหาคู่ ดังสนั่นก้องป่า ความอ่อนล้าจากการทำงานมาทั้งวันทำให้เปลือกตาเริ่มปิดลงอย่างช้า ๆ หวังว่าพรุ่งนี้จะตื่นมาพร้อมกับข่าวดีที่ว่า “สามารถควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19 ได้แล้ว เพราะจำนวนผู้ป่วยไม่เพิ่มขึ้น และการแพร่ระบาดเป็นศูนย์” ผู้เขียนหวังว่าจะได้ยินประกาศนี้ในเร็ววัน
เหล่านี้คือความสุขเมื่อกักตัว ตอบสนองแคมเปญของภาครัฐ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ”
ภาพ: สนธยา สุภาการ