The Prachakorn

สัมพันธ์คู่ชั่วคราวในสังคมยุคดิจิทัล: ว่าด้วยเรื่องของเศรษฐศาสตร์


ถิรวัฒน์ วรรณพฤกษ์

31 ตุลาคม 2565
2,159



เป็นโสดทำไม

"เป็นโสดทำไม อยู่ไปให้เศร้าเหงาทรวง ไม่คิดจะหาคู่ควง เดี๋ยวจะร่วงพ้นวัยไปเปล่า..."

เมื่อได้ยินได้ฟังเพลงนี้ หรือมีคนถามว่า ทำไมยังไม่มีแฟน ทำไมยังไม่แต่งงาน คนรุ่นใหม่หลายคนคงนึกคำตอบในใจ โสดนั้นเป็นเรื่องของเรา แต่ทำไมคนอื่นถึงต้องเป็นกังวลแทน จริงอยู่ มนุษย์ทุกคนล้วนแล้วต้องการมีคู่  ไม่ว่าจะคู่กายหรือคู่ใจ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะออกแบบชีวิตคู่ของตัวเองด้วยการแต่งงาน สร้างครอบครัว อยู่กินกันไปตลอดชีวิต เพราะสภาพสังคมสมัยนี้ เศรษฐกิจยุคนี้ จะประคับประคองชีวิตคู่ให้ตลอดรอดฝั่ง ด้วยคาถา “อดทนไว้” คงยากเต็มที ดูได้จากสถิติหย่าร้างที่มีเพิ่มมากขึ้นทุกปีๆ1 ไม่นับรวมคู่รักคู่อยู่กินที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสด้วยกันแล้วเลิกรากัน ในขณะที่สถิติจดทะเบียนสมรสก็มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ2

หากจะถามหาเหตุผล ของคนอยากกลับมาโสด  (โสดไม่ตั้งใจ) กับคนครองสถานภาพโสด (ตั้งใจโสด) คงมีนับไม่ถ้วนข้ออ้าง อย่างเช่น คนที่กลับมาโสด อาจบอกว่า เบื่อกับการเอาใจใส่ ไม่มีเวลาให้เพราะต้องการทำงาน ทัศนคติไม่ตรงกัน มีคู่มีครอบครัวต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง ส่วนคนที่เป็นโสดแบบตั้งใจ ทั้งโสดแท้ โสดเทียม อาจบอกว่า ยังไม่เจอคนที่ใช่ ยังไม่พร้อมที่จะดูแลใคร ไม่อยากมีภาระ ดูแลตัวเองได้ อยู่กับพ่อแม่พี่น้อง หรือกับเพื่อนสบายใจกว่า ชีวิตมีอะไรให้ทำอีกตั้งเยอะ จะท่องเที่ยว จะดูซีรีส์หรือเล่นเกมทั้งวัน เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวเหมือนลูก หรือหาอะไรทำตามฝันตามแรงบันดาลใจ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว มีคู่แล้วไม่ดี ก็อย่ามีเสียดีกว่า แล้วท่านผู้อ่านเคยได้ยินว่า มีใครเป็นทุกข์กับความโสดบ้างไหม? ดังนั้น ความโสด ไม่ใช่ปัญหา... แต่เป็นความสุขของคนที่ต้องการความเป็นอิสระ และเป็นทางเลือกหรือทางออกของรักที่ไม่ได้ดั่งใจ

รักคือฝันไป

"รักมิใช่ดวงดาวที่พราวแสง ใช่ร้อนแรงดังแสงอาทิตย์ส่อง..."

คนที่เคยมีรักโรแมนติกแล้วมาถึงทางตัน หรือรักเป็นพิษ (toxic relationship) ถ้าพูดให้ใครฟังได้ หลายคนคงอาจจะบอกว่า ถ้าเลือกได้คงจะไม่แต่งงาน หรือไม่มีแฟน โดยเฉพาะคนที่กลับมาโสดโดยไม่ตั้งใจ บางคนเมื่อมีความสัมพันธ์คู่ครั้งใหม่จึงสวนทางแบบแผนหรือค่านิยมที่สังคมไทยกำหนดแต่เดิมว่า การมีคู่อยู่กินต้องเป็นการแต่งงานกับคู่ต่างเพศ และผัวเดียวเมียเดียว (monogamy) และเป็นไปตามบรรทัดฐานของความสัมพันธ์ทางเพศ (sexual norm) ในสังคมไทย เริ่มจากถูกใจกัน จีบกัน นัดเจอกัน เรียนรู้นิสัยใจคอ ยอมรับซึ่งกันและกัน สร้างครอบครัว มีลูก มีการวางแผนอนาคต แต่ในยุคปัจจุบัน หนุ่มสาวรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ประสบการณ์ความรักที่ไม่สมหวังของรุ่นพ่อรุ่นแม่ หลายคนเติบโตมาในครอบครัวพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือมีพี่น้องต่างพ่อต่างแม่ หรือถูกเลี้ยงดูโดยคนอื่น จึงก้าวข้ามความรักความสัมพันธ์ในกรอบ มาอยู่ในพื้นที่ที่แสดงตัวตนทางเพศได้อย่างอิสระ เปิดประสบการณ์ทางเพศโดยไม่จำเป็นต้องรอเวลาที่เหมาะสม 

‘รัก’ และ ‘เซ็กซ์’ แยกออกจากกัน ความสัมพันธ์จึงชั่วคราว

“..ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน ไม่ต้องหาคำ คำไหน มาเพื่ออธิบาย..”

เพลงของดา เอนโดรฟิน สะท้อนให้เห็นปรากฏการณ์ความสัมพันธ์ของคนรุ่นใหม่ รวมถึงคนรุ่นเก่าบางคนที่ผิดหวังกับความรัก ที่ต้องการความสัมพันธ์แบบไม่ทางการ (casual relationship) หรือไม่ผูกมัด (no strings attached) ไม่มีใครไม่อยากมีคู่ที่จะอยู่ดูแลไปจนแก่เฒ่า แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่เป็นใจ หรือสภาพเศรษฐกิจและสังคมไม่เอื้อ การมีความสัมพันธ์คู่แบบชั่วครั้งชั่วคราว ก็สามารถเติมเต็มความสุขทางเพศของคนเราได้ ในเมื่อการมีรักทำให้เกิดทุกข์  

สมัยนี้การหาคู่ ไม่ว่าจะเป็นหาคู่ชีวิต หรือ คู่นอน หาเพื่อนกิน เที่ยว ทำได้ง่ายๆ ผ่านแอป หรือเว็บไซต์หาคู่ต่างๆ มีหนุ่มสาวไทยรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยใช้อินเทอร์เน็ตหาคู่ (internet dating) เพื่อมีเซ็กซ์ และใช้เซ็กซ์เพื่อแลกเงิน3

ว่าด้วยความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด หรือการคบหาแต่ไม่อยากดูใจ ที่กำลังเป็นเทรนด์สำหรับคนหนุ่มสาวสถานะโสดยุคนี้ ถึงแม้บางคู่ไม่ต้องการนิยามความสัมพันธ์ของตนเอง แต่ก็มีคำเรียกและนิยามความสัมพันธ์ระยะสั้น สำหรับหาคู่ที่ต้องการความสัมพันธ์แบบเดียวกัน มี 3 รูปแบบ แบ่งตามความคุ้นเคยและจำนวนครั้งการมีเซ็กซ์ด้วยกัน นั่นคือ

One-night Stands: ONS เรียกสั้นๆ ว่า วันไนท์ คือการมีเซ็กซ์ครั้งเดียวกับคนแปลกหน้าหรือเพิ่งรู้จักหรือรู้จักกันน้อยมาก ผู้เขียนขอเรียกว่า คู่นอนคืนเดียว เป็นความสัมพันธ์ทางเพศในค่ำคืนหลังที่ได้รู้จักกัน เพียงแค่เสร็จกิจในคืนนั้น เช้ามาก็แยกย้าย ไม่มีการติดต่อหรือติดตาม หาประสบการณ์ทางเพศกับคนใหม่ๆ ได้เรื่อย จากสถานบันเทิงยามค่ำคืน ทวิตเตอร์ แอปหาคู่ เฟสบุ๊ค และบอกต่อกัน

Booty Call บู้ทตี้ คอลล์ หรือ นัดยิ้มพิมพ์ใจ คือการมีความสัมพันธ์กับคนที่ไม่คุ้นเคยกันมากกว่าหนึ่งครั้ง อาจพัฒนามาจาก ONS ก็ได้ ถ้ามีเซ็กซ์ที่ถูกใจกันทั้งสองฝ่าย แล้วแลกไลน์ แลกเบอร์โทรศัพท์กันเพื่อนัดมาทำกิจกรรมทางเพศเท่านั้น มีการถามไถ่เรื่องส่วนตัวเล็กน้อยหรือแทบไม่มี ความสัมพันธ์นี้อาจพัฒนาเป็นคู่นอนประจำได้ หรือ sex buddy ก็ได้ บางครั้งอาจใช้คำว่า แอบแซ่บ หรือ แอบกินกัน เพราะแต่ละคนอาจไม่รู้ว่า คู่นอนที่นัดมามีอะไรกัน ต่างมีคนในใจอยู่แล้ว

Friend with Benefits : FWB เอฟดับบลิวบี หรือ เพื่อนเล่น เล่นเพื่อน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า sex buddy ทั้งคู่มีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีหรือรู้จักกันมาก่อน ที่สำคัญคือ ต่างคนต่างโสด เพื่อจะได้ไม่เป็นมือที่สามของใคร FWB เป็นขั้นความสัมพันธ์ที่เริ่มจากคนไม่รู้จัก มาเป็นเพื่อน เพื่อนสนิท จนมาเป็นเพื่อนนอน หาได้จากแพลตฟอร์มต่างๆ หรือในสังคมใกล้ตัว สามารถคุยได้ทุกเรื่อง แสดงความห่วงใย ใส่ใจกัน รับรู้เรื่องราวส่วนตัวกันและกันได้ แต่มีบางอย่างที่ไม่สามารถเป็นแฟนกันได้ หรือถูกใจเรื่องเซ็กซ์แต่ไม่ถูกใจนิสัย มีความต้องการทางเพศแต่ไม่ต้องการวันไนท์กับใคร เพราะเสี่ยงโรคหรือความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน FWB จึงเป็นความสัมพันธ์ค่อนข้างโรแมนติกแต่ไม่เรียกว่า แฟน หรือคนรัก ไม่มีเงื่อนไขของเวลาหรือไม่พูดถึงความสัมพันธ์ในอนาคต ไม่มีข้อผูกมัด แต่มีข้อตกลงร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกินเลยจนเป็นความรักความผูกพัน หรือเอาใจไปเล่น ไม่หึงหวง ยอมรับได้ถ้าคนใดคนหนึ่งไปเจอคนอื่นที่อยากศึกษาดูใจกันมากกว่า

ส่วนความสัมพันธ์รูปแบบสุดท้าย เกิดขึ้นในกรณี่ที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกับคนรู้จักแบบไม่ตั้งใจให้เกิด หรือที่เรียกว่า เผลอตัว ไม่เผลอใจ เพราะอารมณ์ชั่ววูบ หรือเมา เมื่อรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ก็จะไม่ทำซ้ำอีก

ภาพแสดง รูปแบบความสัมพันธ์ทางเพศแบบไม่ผูกมัด

ที่มา ดัดแปลงจาก Claxton, Shannon & van Dulmen, Manfred. (2013). Casual Sexual Relationships and Experiences in Emerging Adulthood. Emerging Adulthood. 1. 138-150..

เรื่อง ความสัมพันธ์ ข้าขอกำหนดเอง

ความสัมพันธ์ในรูปแบบ วันไนท์ นัดยิ้มพิมพ์ใจ หรือเอฟดับบลิวบี จริงๆ มีในสังคมไทยมานานแล้ว รวมถึงความสัมพันธ์ชั่วคราวที่ใช้เงินแลกเปลี่ยน เช่น ซื้อบริการจากเด็กเอ็นท์ เด็กไซด์ไลน์ ที่หาได้ไม่ยากในโลกอินเทอร์เน็ต อีกทั้งสังคมที่อยู่ในยุคที่เปิดกว้างเรื่องเพศมากขึ้น โดยเฉพาะคนวัยหนุ่มสาวหรือ Gen Y และ Gen Z ที่เป็นคนกำหนดรูปแบบความสัมพันธ์เอง แสดงให้เห็นว่า การเลือกใช้ชีวิตคู่ของคนรุ่นใหม่เป็นการแสดงพฤติกรรมเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว (self-interested behavior) ไม่ว่าจะเป็นการมีแฟน คนรัก การแต่งงาน หย่าร้าง ครองโสดถาวร หรือโสดชั่วคราว ทางที่เลือกนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นทางที่ดีของใครบางคนเสมอไป  

ในทางเศรษฐศาสตร์ อธิบายถึงพฤติกรรมดังกล่าวว่า การที่เราจัดสรรทรัพยากรที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง หรือมุ่งสนองให้เกิดประโยชน์แต่ตนเอง (เริ่มจากตนเอง) และเมื่ออีกฝ่ายเห็นประโยชน์ร่วมกันแล้ว เราทั้งคู่ต่างชั่งใจแล้วจึงเลือกที่จะทำ ขณะเดียวกันก็เป็นพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อคนอื่น (เขา) ในเชิงความรักและความสัมพันธ์ที่อาจรักจริงแต่ไม่ได้พัฒนาเป็นความสัมพันธ์ระยะยาว และการที่คนใดคนหนึ่งปิดบัง ไม่จริงใจกับความสัมพันธ์ อาจส่งผลต่อส่วนรวมไปพร้อมๆ กัน ไม่นับเรื่องของสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่ขาดความเสถียรภาพ ซึ่งอาจเป็นอีกปัจจัยหลักที่ทำให้ทางเลือกเหล่านี้ช่วยเบนเข็มให้การไม่มีความสัมพันธ์แบบผูกมัดจะดีกว่า เพราะรักที่ยาวอาจจะกลายเป็นภาระผูกพันระยะยาวได้เมื่อเทียบกับอรรถประโยชน์ที่เราต้องการอย่างแท้จริง ภาพอนาคตของความสัมพันธ์แบบระยะยาวอย่างการตามหารักที่โรแมนติกจึงอาจเป็นเทรนด์ที่กำลังสั่นคลอนและไม่ได้เป็นที่ต้องการของคนหนุ่มสาวอีกต่อไป

อย่างไรก็ดี พฤติกรรมเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ถือว่าเป็นตัวขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง ซึ่งอดัม สมิธ (ค.ศ. 1723-1790) นักเศรษฐศาสตร์ชาวสก็อตแลนด์ บิดาแห่งทุนนิยม ได้อธิบายแนวคิดนี้ไว้เมื่อสองร้อยกว่าปีมาแล้วว่า คนเรามักจะมองหาสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเราเอง อย่างเราไปทำงานเพื่อจะได้เงินไปซื้อสิ่งที่ตนเองต้องการ เราเรียนสูงๆ ก็เพื่อจะได้งานดีมีเงินจับจ่ายใช้สอย การที่คนเราเลือกจะทำอะไรสักอย่างขึ้นมานั้นก็เพื่อประโยชน์ของตัวเราเอง และเมื่อแต่ละคนต่างทำอะไรเพื่อประโยชน์ของตัวเองแล้ว ก็จะได้ประโยชน์ในทางเศรษฐกิจไปในตัว สินค้าและบริการจะถูกสร้างขึ้น ได้ประโยชน์ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค

ในทำนองเดียวกัน การเลือกคู่ที่เป็นความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดนั้น ก็เพื่อเกิดประโยชน์ต่อตัวเอง อย่างเช่นในรูปแบบของอยู่กินกันโดยไม่ต้องเสียเงินค่าสินสอด หรือจัดงานแต่งงาน ไม่เสียเงินในการดูแลเลี้ยงลูก เงินที่หาได้สามารถตอบสนองความสุขของตนเองได้อย่างเต็มที่โดยเฉพาะเรื่องกิน เรื่องเที่ยว ซื้อของให้ตัวเอง หรือได้เลี้ยงดูพ่อแม่ตนเองได้อย่างดี พฤติกรรมเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองในกรณีการความสัมพันธ์ที่ว่ามานี้ จึงทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในรูปแบบที่ตอบสนองความต้องการของคนโสด คู่รักที่อยู่ด้วยกันแต่ไม่ต้องการมีลูก เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับคนรักหมาแมว ธุรกิจขายอาหารที่เอาใจลูกค้าที่มากินคนเดียว บริการคู่นอนตามที่พักอาศัย กลุ่มสมาชิกแลกเปลี่ยนคู่นอน อาชีพเด็กไซด์ไลน์ อาชีพเด็กเอ็นท์ (เตอร์เทน) ซึ่งเป็นเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวเพื่อนออกกำลังกายแบบเสียค่าใช้จ่ายแบบรายวันหรือรายชั่วโมง เป็นต้น    

รักยุคดิจิทัล

ในยุคดิจิทัลนำทางชีวิต เรื่องราวความรักความสัมพันธ์และเรื่องเพศ ถูกตีแผ่ผ่านสื่อโซเชียลโดยไม่ต้องควานหา ไม่ต้องแอบเสพ เรื่องเพศสามารถคุยได้อย่างเปิดเผยเพราะถือว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์ เพื่อป้องกันปัญหาท้องไม่พร้อม และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ในขณะเดียวกัน อิทธิพลของสื่อออนไลน์ได้ทำให้ทุกวัย โดยเฉพาะวัยอยากรู้อยากลอง ได้เรียนรู้และเสพเรื่องเพศมากขึ้น ผ่านคอนเทนต์เล่าประสบการณ์ทางเพศ และตอบปัญหาเรื่องเพศ โดยใช้ภาษาตรงไปตรงมา โดนใจวัยรุ่น ผ่านคลิปวิดีโอ ผ่านนวนิยายหรือการ์ตูนออนไลน์ เป็นต้น ในขณะเดียวกันสื่อออนไลน์ก็เป็นพื้นที่สำหรับการแสวงหาความสุขทางเพศกับคู่ที่แมตช์หรือตรงกับไลฟ์สไตล์ทางเพศของตนได้อีกด้วย ยิ่งมีหลายแพลตฟอร์มตลาดหาคู่ออนไลน์เกิดขึ้นมากมายเท่าไร ทั้งแอปพลิเคชั่นหรือเว็บไซต์หาคู่ ยิ่งทำให้การหาคู่นอน หรือคู่ชีวิต ง่ายดายมากขึ้นเท่านั้น ตอบโจทย์คนที่ต้องการโสด และไม่ต้องการจะโสด ซึ่งหวังว่าสักวันจะเจอคนที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปนานๆ    

"..คงจะมีรักจริงรออยู่ ที่ดินแดนใดสักแห่ง คงมีใครสักคน รออยู่ตรงนั้น…"

ภาพประกอบจากเว็บไซต์ Pantip (ภาพประกอบในเนื้อหา)

ภาพหน้าปก
ที่มา : https://stylecaster.com/friends-with-benefits-mistakes/


อ้างอิง

  1. สถิติการหย่า ของกรมการปกครอง ในแต่ละปีมีประมาณแสนกว่าคู่ ในปี 2562 มีการหย่าร้างสูงสุด สูงถึง 128,514 คู่
  2. สถิติจดทะเบียนสมรส ของกรมการปกครอง ปี 2562 มีคู่จดทะเบียน 328,875 คู่ ค่อยๆ ลดลงเหลือ 271,352 คู่ ในปี 2563 และ 240,979 คู่ ในปี 2564
  3. Jaruhirunsakul, P. (2012). Sex and Money: The Sexual Norm Phenomenon in Thai Cyberculture. The Journal of Behavioral Science, 5(1), 75–87. Retrieved from https://so06.tci-thaijo.org/index.php/IJBS/article/view/2203

 


Tags :

CONTRIBUTOR

Related Posts
Copyright © 2020 สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 73170
โทรศัพท์ 02-441-0201-4 โทรสาร 02-441-9333
Webmaster: piyawat.saw@mahidol.ac.th