เมืองมะละกา (Malacca หรือ Melaka) ของประเทศมาเลเซีย ได้รับยกย่องจากยูเนสโก้จัดให้เป็นเมืองมรดกโลก ในอดีตเมืองมะละกาเคยเป็นเมืองท่าทางทะเลที่สำคัญในการเดินทางติดต่อค้าขายระหว่างชาติตะวันตกและตะวันออก ที่เรารู้จักในนามว่า “ช่องแคบมะละกา” เป็นช่องแคบที่อยู่ระหว่างคาบสมุทรมลายู ประเทศมาเลเซีย กับเกาะสุมาตราของประเทศอินโดนีเซีย เมืองมะละกาเคยตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตกทั้ง โปรตุเกส เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษ ทำให้เมืองมะละกามีสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมที่หลากหลายผสมผสานระหว่างชาติตะวันตกและตะวันออก เป็นเมืองแห่งสายน้ำที่มีมนต์เสน่ห์ให้น่ามาเยี่ยมเยียนสักครั้ง การมาเดินเล่นริมน้ำแถวย่านเมืองเก่า ก็จะพบกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนสไตล์ชิโน-โปรตุกีส วัด มัสยิด โบสถ์ ศาลเจ้า ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงกัน หรือสามารถเดินชิมรสอาหารที่มีความหลากหลายที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ เมืองมะละกาเป็นเมืองที่อยู่ร่วมกันอย่างผสมผสานกันอย่างลงตัว
มะละกอ เป็นผลไม้ที่คนไทยทุกคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นวัตถุดิบสำคัญในการทำส้มตำ อาหารรสชาติแซ่บซี๊ดถูกปากคนไทย แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าแท้จริงแล้วมะละกอนั้น ไม่ได้เป็นผลไม้ประจำถิ่นของไทย มะละกอมีถิ่นกำเนิดจากทวีปอเมริกากลางในแถบประเทศเม็กซิโก คอสตาริกา แต่ชาวโปรตุเกสที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาค้าขายสินค้าผ่านทางช่องแคบมะละกาจึงเอามะละกอติดเรือมาด้วย และได้นำมะละกอมาปลูก ณ เมืองมะละกา หลังจากนั้นจึงมีการนำเข้ามะละกอจากเมืองมะละกาสู่ประเทศไทย เมืองมะละกาจึงกลายเป็นเมืองที่ปลูกและแพร่ขยายมะละกอออกไปสู่ประเทศอื่นๆ ในแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้คำว่ามะละกาในภาษามาเลเซียนั้น มีความหมายถึงพืชอีกชนิดหนึ่งคือ ต้นมะละกา (Melaka tree) หรือที่เรารู้จักคือ ต้นมะขามป้อม นั่นเอง
รูป: จัตุรัสแดง (Red Square) แห่งเมืองมะละกา
รูปโดย: นิพนธ์ ดาราวุฒิมาประกรณ์