องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ได้ให้นิยามของกิจกรรมทางกาย (physical activity: PA) คือ การเคลื่อนไหวร่างกายในรูปแบบใดๆ ที่เกิดจากกล้ามเนื้อยึดกระดูกที่ต้องใช้พลังงาน และต้องเป็นการเคลื่อนไหวตลอดทั้งวัน ทั้งการทำงาน การเดินทาง และนันทนาการ ตลอดจนการออกกำลังกายและการเล่นกีฬา โดยมีข้อแนะนำให้มีกิจกรรมทางกายในระดับปานกลางถึงหนักอย่างต่อเนื่องเพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี
กิจกรรมทางกายที่ได้รับความนิยม คือ การเดิน การปั่นจักรยาน การเล่นกีฬา และการมีกิจกรรมสันทนาการที่เน้นการเคลื่อนไหวและสนุก โดยไม่จำเป็นต้องเป็นกิจกรรมที่ใช้ทักษะหรือมีระดับหนักเท่านั้น
กิจกรรมทางกายที่ไม่เพียงพอ (insufficient physical activity) จะก่อให้เกิดพฤติกรรมเนือยนิ่ง (sedentary time) โดยมีนิยามว่า พฤติกรรมขณะตื่นที่ใช้พลังงานไม่เกิน 1.5 METs ขณะนั่ง นอนเอกเขนก หรือนอนเหยียด ตัวอย่างของพฤติกรรมเนือยนิ่ง ได้แก่ การทำงานติดโต๊ะ การขับรถ หรือการดูโทรทัศน์
การวัดพฤติกรรมเนือยนิ่ง นอกจากจะหมายถึงการรายงานระยะเวลาที่มีการนั่งติดที่แบบเคลื่อนไหวน้อย ทั้งในช่วงการพักผ่อนการทำงาน และภาพรวมทั้งหมดของวัน รวมไปถึงระยะเวลาในการดูโทรทัศน์หรือจ้องจอต่างๆ แล้ว พฤติกรรมเนือยนิ่งยังหมายรวมถึงการเคลื่อนไหวในระดับต่ำที่วัดได้จากเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่สามารถประเมินความเคลื่อนไหวหรือการออกท่าทางได้ จากที่ผ่านมาพบว่า พฤติกรรมเนือยนิ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพ และเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน อีกทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกับการลดลงของระดับคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวกับด้านสุขภาพอีกด้วย1
การส่งเสริมกิจกรรมทางกายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ องค์การอนามัยโลก ได้จัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อ ซึ่งประเทศไทยได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลกและประเทศสมาชิกว่า เป็นผู้นำระดับโลกและระดับภูมิภาคด้านการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย และการสร้างความตระหนักต่อประชาคมโลกถึงประโยชน์ต่อสุขภาพจากการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย และเพื่อให้การนําแผนการส่งเสริมกิจกรรมทางกายไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม กระทรวงสาธารณสุขและภาคีเครือข่ายจึงได้มีการจัดทํา “แผนปฏิบัติการการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย พ.ศ. 2561-2573” ขึ้น และเป็นแผนยุทธศาสตร์ชาติฉบับแรกที่ให้ความสำคัญกับการมีกิจกรรมทางกายของประชาชนไทย ซึ่งแผนนี้ได้รับการพัฒนาผ่านกระบวนการการมีส่วนร่วมจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขเป็นแกนหลักโดยมุ่งหวังให้ประชาชนมีกิจกรรมทางกายในชีวิตประจําวัน อันจะนําไปสู่การลดปัญหากลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs (Non-Communicable diseases) และพัฒนาคุณภาพชีวิตต่อไป2
การมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ มีความสำคัญทั้งในมิติของการป้องกันโรคและการสร้างเสริมสุขภาพ โดยเฉพาะการมีพัฒนาการที่ดีตลอดช่วงชีวิตของมนุษย์ การมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอและเหมาะสมตั้งแต่วัยเด็กสู่ทุกช่วงวัยนั้น จะสร้างความแข็งแรงของหัวใจ กล้ามเนื้อและกระดูก พัฒนาการเคลื่อนไหว สร้างความเชื่อมั่นในตัวเอง เสริมทักษะการเข้าสังคม พัฒนาสมอง การคิดวิเคราะห์ และพัฒนาภาวะทางอารมณ์ องค์การอนามัยโลกเน้นย้ำว่าการมีวิถีชีวิตที่กระฉับกระเฉง (active living) เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งที่ส่งผลดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจ
ที่มา: แผนการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย พ.ศ. 2561 – 2573
ติดตาม “แผนปฏิบัติการการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย พ.ศ. 2561 – 2573” ต่อได้ที่ https://www.theprachakorn.com
อ้างอิง