ประชากรท่องโลกฉบับนี้ จะพาทุกท่านเดินทางไปทำความรู้จักกับภูเขาไฟโบรโม่ คำว่า ”โบรโม่” ความหมายตามภาษาของชาวชวา แปลว่า “พรหม” ซึ่งคำว่า “พรหม” นั้น เป็นชื่อที่ตรงกับพระนามของเทพเจ้าในศาสนาฮินดู ในทุกๆ ปีชาวอินโดนีเซียที่นับถือศาสนาฮินดูจะจัดงานเทศกาลประจำปีที่เรียกว่า เทศกาลยัดเนีย คาซาดา (Yadnya Kasada festival) เพื่อบูชาเทพเจ้าโดยมีธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดกันมานานนับร้อยปี ด้วยการนำสัตว์ที่ยังมีชีวิตมาเป็นเครื่องสังเวยบูชายัญเทพเจ้า ได้แก่ แพะ ไก่ รวมทั้งพืช ผัก ดอกไม้ และของมีค่า โดยโยนเครื่องบูชายัญเหล่านั้น ลงไปในปากปล่องภูเขาไฟ ชาวบ้านเชื่อกันว่าจะช่วยกำจัดสิ่งไม่ดีในชีวิตให้หมดสิ้นไป และหลังจากนี้ก็จะมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต
ภูเขาโบรโม่เป็นภูเขาไฟที่ดับแล้วแต่ยังดับไม่สนิท ยังคงส่งเสียงคำรามดังเหมือนฟ้าร้อง และยังปล่อยควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากปากปล่องอยู่ตลอดเวลา ซึ่งคล้ายๆ ลมหายใจที่พุ่งขึ้นมาจากใต้พื้นพิภพ เปรียบเสมือนเป็นลมหายใจของเทพเจ้า ด้วยเหตุนี้เอง ภูเขาไฟโบรโม่จึงได้รับฉายานามว่าเป็น “ลมหายใจแห่งเทพเจ้า”
ผู้คนที่มาเที่ยวภูเขาไฟโบรโม่ มักจะเดินทางขึ้นมายังปากปล่องภูเขาไฟด้วยการขี่ม้าแล้วเดินด้วยเท้าขึ้นมา เพื่อชื่นชมกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ การได้มาเผชิญหน้ากับความยิ่งใหญ่ของภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่อย่างใกล้ชิด ได้มายืนอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟที่กว้างใหญ่และมีลมหายใจพวยพุ่งขึ้นมาทักทายอยู่เป็นระยะนั้น สร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหากได้มาสัมผัสบรรยากาศภูเขาไฟโบรโม่ในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นที่มีทะเลหมอกด้วยนั้น ช่างเป็นภาพสวยงามสมคำร่ำลือ และควรค่าเป็นอย่างยิ่งที่จะมาเห็นกับตาของท่านสักครั้งในชีวิต
รูป: บรรยากาศยามเช้ากับภูเขาไฟโบรโม่
รูปโดย: นิพนธ์ ดาราวุฒิมาประกรณ์