จุดประสงค์ของบทความนี้ คือ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการจัดทำข้อมูลพื้นฐานในการติดตามการตลาดอาหารฯ ของประเทศไทย และระบุและจัดทำข้อมูลพื้นฐานในการติดตามการตลาดอาหารฯ
บริษัทอาหารขนาดใหญ่โดยเฉพาะบริษัทอาหารและเครื่องดื่มข้ามชาติ มีบทบาทสำคัญในการก่อให้เกิดภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน1 เพราะบริษัทอาหารข้ามชาติเหล่านี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการกินอาหารจากอาหารธรรมดาๆ แบบดั้งเดิมไปเป็นกินอาหารแปรรูปมากยิ่งขึ้นบริษัท นอกจากนี้ บริษัทอาหารข้ามชาติยังมีอำนาจทางการตลาดอย่างมาก เช่น สามในสี่ของการขายอาหารทั่วโลกเป็นอาหารแปรรูป น้ำอัดลมทั่วโลกมากกว่าครึ่งหนึ่งผลิตโดยบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทโคคา-โคลาและบริษัทเป๊ปซี่โค และยอดขายของบริษัทอาหารข้ามชาติเกือบทั้งหมดเติบโตอย่างมากในประเทศกำลังพัฒนา การที่บริษัทอาหารข้ามชาติขนาดใหญ่เข้าสู่ตลาดอย่างรวดเร็วในประเทศกำลังพัฒนา เป็นผลมาจากการทำการตลาดและการลงทุนจากต่างประเทศ2
Source of picture: https://www.who.int/publications/i/item/9789240075412
ผลพวงจากการขยายและการทำการตลาดของบริษัทอาหารข้ามชาติขนาดใหญ่ปรากฏได้อย่างชัดเจนในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม พ.ศ. 2565 บริษัทอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทยลงทุนโฆษณาสินค้าของตนเองผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะทางโทรทัศน์และสื่ออินเทอร์เน็ต สูงมากถึง 18,550 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนโฆษณาสูงมากกว่าบริษัทสินค้าอื่นๆ และบริษัทอาหารที่ลงทุนกับการโฆษณาอาหารมากที่สุดสามอันดับแรกเป็นบริษัทข้ามชาติ ได้แก่ ยูนิลิเวอร์ เนสท์เล่ และโคคา-โคลา3 การลงทุนโฆษณาด้วยงบประมาณมหาศาลจึงเป็นการเพิ่มการพบเห็นโฆษณาอาหารและเครื่องดื่มของลูกค้า4 ข้อมูลวิชาการทั้งไทยและต่างประเทศระบุตรงกันว่า การพบเห็นโฆษณาอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะการใช้ดาราหรือคนที่มีชื่อเสียงมีผลต่อการเพิ่มการบริโภคของเด็ก ในขณะที่การแจกของแถมที่เป็นของเล่น ทำให้เด็กชอบอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพเพิ่มขึ้น และการจดจำตราสินค้าอาหารได้ มีผลต่อความชื่นชอบรสชาติของอาหาร ความต้องการซื้อและการบริโภคอาหารของเด็กเพิ่มมากขึ้น5
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เล็งเห็นความสำคัญในการลดการพบเห็นและเทคนิคจูงใจของการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่มีต่อเด็ก จึงได้จัดทำร่างพระราชบัญญัติการควบคุมการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของเด็ก6 และสำนักโภชนาการ ต้องเตรียมจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้วย เพราะตาม มาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กำหนดให้รัฐประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายทุก 5 ปี เพื่อพัฒนากฎหมายทุกฉบับให้สอดคล้องและเหมาะสมกับบริบทต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป การจัดทำข้อมูลพื้นฐานในการติดตามการตลาดอาหารฯ จึงช่วยเปรียบเทียบก่อนและหลังที่จะมีพระราชบัญญัติการควบคุมการตลาดอาหารฯ ประกาศและบังคับใช้ ซึ่งจะทำให้ทราบว่า ร่างกฎหมายดังกล่าว นั้น สามารถลดการทำการตลาดอาหารฯ ได้จริงหรือไม่ นอกจากนี้ ข้อมูลพื้นฐานในการติดตามการตลาดอาหารฯ ยังเป็นประโยชน์ในการวางแผนเพื่อป้องกันหรือแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ เช่น การทำการตลาดอาหารฯ โดยใช้กลยุทธ์หรือเทคนิคทางการตลาดใหม่ๆ
ข้อมูลพื้นฐานในการติดตามการตลาดอาหารฯ ที่สำนักโภชนาการต้องจัดทำ ได้แก่ (1) การโฆษณาอาหารและเครื่องดื่มฯ ตามช่องทางต่างๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ อินเทอร์เน็ต นิตยสารสำหรับเด็ก ป้ายโฆษณา โรงเรียน ฯลฯ (2) บรรจุภัณฑ์ของอาหารและเครื่องดื่มฯ ที่ดึงดูดใจเด็ก เช่น ภาพการ์ตูนหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงบนซองขนมหรือขวดเครื่องดื่ม และการส่งเสริมการขายอาหารและเครื่องดื่มฯ ตามร้านค้าปลีกหรือซุปเปอร์มาร์เก็ต เช่น การลดแลกแจกแถม (3) การพบเห็นการทำการตลาดอาหารฯ ของเด็ก (4) ทัศนคติของเด็กที่มีต่อการทำการตลาดอาหารฯ (5) พฤติกรรมการซื้ออาหารของเด็กและครอบครัว (6) รูปแบบการบริโภคอาหารและผลลัพธ์ทางสุขภาพของเด็ก เช่น ภาวะน้ำหนักเกินและอ้วน และ (7) การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบริษัทอาหารฯ เช่น งบที่ใช้ทำการโฆษณาและการตลาด ยอดขาย เป็นต้น7
Source of picture: https://howtoaba.com/collecting-baseline-data/
ส่วนการจัดทำข้อมูลพื้นฐานในการติดตามการตลาดอาหารฯ นั้น สำนักโภชนาการควรสำรวจข้อมูลพื้นฐานในการติดตามการตลาดอาหารฯ ว่า ข้อมูลใดที่มีอยู่ และข้อมูลใดที่ขาดหายไปแล้วต้องจัดทำเพิ่มเติม รวมทั้ง หน่วยงานใดดำเนินการจัดทำและจัดเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐานในการติดตามการตลาดอาหารฯ จากนั้น สำนักโภชนาการควรรวบรวมข้อมูลพื้นฐานในการติดตามการตลาดอาหารฯ ด้วยตนเอง และขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้าถึงและนำข้อมูลพื้นฐานในการติดตามการตลาดอาหารฯ มาจัดเก็บไว้อย่างเป็นระบบต่อไป
ดังนั้น การจัดทำข้อมูลพื้นฐานในการติดตามการตลาดอาหารฯ ช่วยทำให้ทราบสถานการณ์การทำการตลาดอาหารฯ และรองรับการประมินผลของกฎหมายควบคุมการตลาดอาหารและเครื่องดื่มของประเทศไทยได้
เอกสารอ้างอิง
ภาพปก freepik.com (premium license)