ภาพของถ้ำหินหลงเหมิน (Longmen Grottoes) ที่เห็นในอินเทอร์เน็ต ดึงดูดผู้เขียนให้อยากไปดูด้วยตัวเองสักครั้ง ด้วยความยิ่งใหญ่ของพระพุทธรูปที่ถูกแกะสลักบนหน้าผาหินขนาดใหญ่ ชวนให้คิดว่าทำไมคนในอดีตช่างมีความสามารถในการออกแบบและการช่าง สร้างสรรค์เป็นสิ่งก่อสร้างที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ได้
ถัดจากถ้ำหินหลงเหมินไปไม่ไกลยังมีวัดพุทธแห่งหนึ่งชื่อ วัดเส้าหลิน แสดงให้เห็นถึงการเผยแพร่ศาสนาพุทธในพื้นที่บริเวณนี้ ผู้เขียนยังอยากรู้ว่าวัดเส้าหลินจะเหมือนกับที่ดูหนังจีนกำลังภายในหรือไม่ คำว่ากังฟูเส้าหลินเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ในการไปเที่ยวเมืองลั่วหยางครั้งนี้ จึงไม่พลาดที่จะไปเยือนวัดเส้าหลินด้วย
เมืองลั่วหยางอยู่ในมณฑลเหอหนาน เป็นเมืองหลวงเก่าของจีน มีประชากรประมาณ 7 ล้านคน พื้นที่ของเมืองลั่วหยางใหญ่กว่ากรุงเทพมหานคร 9.7 เท่า ความเจริญทางด้านการคมนาคมมีความสะดวกสบายเลยทีเดียว แม้จะเป็นเพียงเมืองหนึ่งในมณฑลเหอหนาน แต่มีรถไฟฟ้าความเร็วสูงผ่านระหว่างเมืองและระหว่างมณฑล ผู้เขียนแวะเที่ยวที่ซีอาน ซึ่งอยู่ในมณฑลติดกันก่อน แล้วเลือกนั่งรถไฟความเร็วสูงมาเมืองลั่วหยาง ทำให้การเดินทางจากซีอานมายังลั่วหยางที่มีระยะทางเกือบ 400 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 1.30 ชั่วโมง ความเร็วแทบจะไม่ต่างกันกับรถไฟชินคันเซ็นของประเทศญี่ปุ่น จากเมืองลั่วหยางสามารถเที่ยวถ้ำหินหลงเหมิน และวัดเส้าหลินได้ใน 1 วัน
ถ้ำหินหลงเหมินเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม มีอายุกว่า 1,500 ปี เพื่อให้เห็นองค์พระพุทธรูปที่แกะสลักได้ทั้งหมด ผู้เขียนต้องแหงนหน้าเกือบ 90 องศา เพราะพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดสูงถึง 17 เมตร แกะสลักบนหน้าผาสูง 40 เมตร ไม่เพียงแค่องค์พระพุทธรูปที่แกะสลักบนหน้าผาเท่านั้นที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่โดยรอบปรากฏถ้ำเล็ก ถ้ำน้อย จำนวนมากที่ภายในมีการแกะสลักองค์พระพุทธรูปขนาดต่างๆ กัน และในบางถ้ำมีการแกะสลักเป็นตำรายาสูตรต่างๆ การก่อสร้างทั้งหมดนี้ใช้เวลานานถึง 400 ปี ถ้ำหินหลงเหมินนั้นมีระยะทางเพียงแค่ 1 กิโลเมตรกว่าๆ แต่หากรวมการเดินขึ้นและลงในทุกจุด ก็นับได้ประมาณ 2 กิโลเมตร ถ้ำหินแกะสลักลักษณะนี้พบได้เพียง 3 แห่งในประเทศจีน อีก 2 แห่ง คือ ถ้ำมั่วเกา เมืองตุนหวง และถ้ำอวิ๋นกัง เมืองต้าถงจึงนับว่าคุ้มค่ากับการเดินทางมาเยี่ยมชม
รูป 1: ถ้ำหินหลงเหมิน
รูปโดย: สุภรต์ จรัสสิทธิ์
ออกจากถ้ำหินหลงเหมินก็แวะต่อที่วัดเส้าหลิน อีกหนึ่งมรดกโลก บรรยากาศโดยรอบบริเวณวัดร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ พื้นที่กว้างขวางมีพระและเณรซ้อมกังฟูอยู่เต็มลานฝึกซ้อม และยังถือเป็นโอกาสดีที่ได้ชมการแสดงกังฟูจากเณรวัดเส้าหลิน ซึ่งแสดงได้อย่างประทับใจถึงขนาดที่เสียงปรบมือดังต่อเนื่องเป็นเวลานาน
รูป 2: การแสดงกังฟูของเณรวัดเส้าหลิน
รูปโดย: สุภรต์ จรัสสิทธิ์
ในบริเวณวัดเส้าหลินจะมีจุดชมวิวเขาซงซาน ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเลียบหน้าผาที่ดูเหมือนจะน่ากลัวแต่แข็งแรง มีราวกั้นกันตกให้จับตลอดทาง เส้นทางเดินนี้จะไปยังจุดหมายปลายทางบนยอดเขาที่เป็นที่ตั้งของเจดีย์สีแดง แต่ผู้เขียนไม่สามารถเดินไปถึงยอดเขาได้ เนื่องจากต้องใช้เวลาเดินขึ้นไปถึงยอดเขาประมาณ 3 ชั่วโมง คำนวณเวลาไปและกลับแล้วน่าจะดึกเกินไป แต่ก็ได้เดินไประยะทางใกล้พอที่จะมองเห็นเจดีย์ได้จากสายตา แม้จะไปไม่ถึงยอดเขา แต่ความประทับใจคือการเดินเลียบหน้าผาที่ได้เห็นวิวจากที่สูง และเป็นช่วงเย็นที่เดินขึ้นเขา อากาศกำลังเย็นสบาย
รูป 3: ทางเดินเลียบเขาซงซาน
รูปโดย: สุภรต์ จรัสสิทธิ์
หลังจากเดือนมีนาคม 2567 จำนวนนักท่องเที่ยวไทยไปประเทศจีนน่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น เมื่อได้ยินข่าวฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปประเทศจีน ไม่แน่ว่าเมืองลั่วหยางอาจจะได้เป็นหนึ่งในเป้าหมายการเดินทางครั้งต่อไปของผู้อ่านสักคนก็เป็นได้