Triple Bs and One NA เป็นชื่อกลุ่มที่มาจากอักษรย่อตัวแรกของสมาชิก 4 คน การรวมตัวของพวกเราเริ่มต้นเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 ทุกสิ้นปีพวกเราจะนึกถึงจุดเริ่มต้นด้วยกันอยู่เสมอ และในปี 2023 เดือนธันวาคม “ภูกระดึง” ถูกเลือกให้เป็นสถานที่วัดใจของพวกเรา
ภาพโดย ผู้เขียน
“ภูกระดึง” ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 2 ของประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2505 ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย มีระดับความสูงอยู่ระหว่าง 400 – 1,200 เมตร ทั้งระหว่างทางขึ้นและบนภู รายล้อมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ทั้งสัตว์ป่า หน้าผา ทุ่งหญ้า ลำธาร และน้ำตก อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ต้นน้ำของลำน้ำพอง ซึ่งเป็นลำน้ำสายสำคัญสายหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาพโดย ผู้เขียน
การเดินทางไปภูกระดึง เริ่มต้นจากสถานีขนส่งหมอชิต ทุกคนสามารถขึ้นรถทัวร์ไปยังอำเภอภูกระดึง จังหวัดเลยได้ ใช้เวลาประมาณ 8-10 ชั่วโมง แนะนำให้นั่งรถทัวร์รอบกลางคืน เพื่อที่จะถึงอำเภอภูกระดึงในตอนเช้า จะมีเวลาขึ้นภูได้สบายๆ เมื่อมาถึงอำเภอภูกระดึง ให้ลงรถที่ผานกเค้า หรือสถานีขนส่งอำเภอภูกระดึง แล้วต่อรถสองแถวเข้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ค่าบริการรถสองแถวคนละ 30–50 บาท ใช้เวลาเดินทางราว 10–15 นาที เมื่อถึงอุทยานแห่งชาติภูกระดึงแล้ว ชำระค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท และค่าประกัน 7 วัน 10 บาท จากนั้น นำกระเป๋าไปฝากที่ลูกหาบ มีค่าบริการเพียง 30 บาท/กิโลกรัม โดยลูกหาบเหล่านี้มักจะเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง พวกเขามีทักษะพิเศษในการแบกสัมภาระหนักๆ (ใครมีกำลังทรัพย์มากจะขนสัมภาระไปมากก็ไม่ว่ากัน)
หลังจากชำระค่าเสียหายกันเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวและอุปกรณ์ที่จำเป็นต่างๆ ให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็น ไม้ค้ำ หมวก เสื้อกันแดด และกระบอกน้ำ เมื่อพวกเราได้เริ่มเดินขึ้น “เริ่มต้นจากตีนภู... เกิดความรู้สึกตื่นเต้น” เป็นความคิดแรกๆ ที่เกิดขึ้น เมื่อดูเส้นทางข้างหน้า กับก้าวแรกๆ ที่ยังมีแรง ประกอบกับความสนุกสนาน ความคึกคะนอง และกำลังใจที่เต็มเปี่ยม พร้อมด้วยบรรยากาศ อากาศช่วงเช้าที่เย็นสบาย และธรรมชาติที่อบอวล พวกเราทุกคนต่างก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
เดินขึ้นไปได้เพียงไม่กี่ร้อยเมตร ความรู้สึกตื่นเต้นในตอนแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นคำถาม “ทางขึ้นนี้จะชันไปถึงไหน?” และพอเดินจนเหงื่อซึม เราก็ได้เจอกับแคร่ไม้ไผ่ที่วางไว้เป็นจุดพัก ‘ซำแฮก’ (หรือแปลเป็นไทยง่ายๆ ว่า "จุดหอบ") นักเดินทางหลายคนต่างก็นั่งดื่มน้ำพักเหนื่อย แต่บอกเลยว่าความเหนื่อยของพวกเรายังไม่ได้จางหาย พวกเรายังคงเหนื่อยเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ทำให้พวกเราดีขึ้นได้ คือ ของกิน ที่เป็นเหมือน “สัญญาณของกำลังใจ” ที่บอกให้พวกเราเดินไปต่อ เพราะระหว่างทางแต่ละซำจะมีร้านอาหารต่างๆ มากมายรออยู่ ไม่ว่าจะเป็น ส้มตำ ก๋วยเตี๋ยว และขนม นอกจากนี้ ยังมีเสียงหัวเราะ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับนักเดินทางคนอื่นๆ ที่ทำให้พวกเรารู้สึกว่า พวกเราไม่ได้เหนื่อยคนเดียว
ภาพโดย ผู้เขียน
ด้วยความอดทนของพวกเรา แม้จะมีเสียงร้องโอดครวญของสมาชิกระหว่างเดินฝ่าทางชัน พวกเราก็มาถึง "หลังแป" ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเส้นทางเดินขึ้น ภาพเบื้องหน้าช่างกว้างใหญ่และสวยงามมาก แต่พวกเราก็ยังไม่ได้ลืมความเหนื่อยที่ผ่านมาทั้งหมด แถมเส้นทางเดินยังไม่หมดเพียงเท่านี้ สิ่งต่อไปที่มองหาคือที่พัก ที่ๆ พวกเราอยากทิ้งตัวกันจนแทบจะรอไม่ไหว ทว่า มองหายังไงก็ไร้วี่แววของที่พัก เพราะต้องเดินเท้าต่อไปอีก 3 กิโลเมตร แต่เป็น 3 กิโลเมตรที่สงบกว่าทางชันที่พวกเราผ่านมา แม้อากาศจะเย็น และมีแสงแดดแรงจัด พวกเรากลับรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้ง พวกเรายังรายล้อมด้วยเพื่อนร่วมทางมากมายที่จะเดินไปด้วยกัน บางคนเดินสวนทางกัน ก็คอยให้กำลังใจ พูดคุยสนุกๆ ทำให้คลายความเมื่อยล้าไปได้บ้าง จนในที่สุด พวกเราก็มาถึงจุดหมายปลายทาง พวกเราต่างดีใจและภาคภูมิใจในตัวเองกันมาก ที่พาร่างกายและจิตใจมาถึงจุดนี้ได้สำเร็จ เสียงหัวเราะ หยาดเหงื่อ และเสียงหัวใจเต้นที่ดังอยู่ในอก เกือบแทบหยุดลง เพราะพวกเราตื่นตาตื่นใจกับวิวต้นไม้ที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ทำให้ลืมความเหนื่อยไปหมดสิ้น! เสียงลมเย็นๆ เป็นเหมือนเสียงเพลงธรรมชาติที่ขับกล่อมให้รู้สึกว่าคุ้มค่านักหนาที่ได้ฟันฝ่าขึ้นมา และตอนนี้คือเวลาที่จะได้ผ่อนคลาย การพิชิตภูกระดึงในครั้งนี้ จะกลายเป็นความทรงจำที่ไม่มีวันลืม และจะต้องจารึกภาพเอาไว้ว่า “ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง”
ภาพโดย ผู้เขียน
การพิชิตภูกระดึงครั้งนี้ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกลุ่มพวกเราทุกประการ ความยากของระยะทางไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อมิตรภาพของพวกเราเลยแม้แต่น้อย พวกเราช่วยเหลือและดูแลกันและกันตลอดทาง (แม้ว่าแต่ละคนเกือบจะเอาตัวเองแทบไม่รอดก็ตาม) หากท่านใดกำลังมองหาแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ขอแนะนำ “ภูกระดึง” ไว้เป็นตัวเลือกที่น่าเก็บไว้พิจารณามากๆ เพราะนอกจากจะได้พิสูจน์รักแท้ หรือเพื่อนแท้ ตามคำบอกกล่าวของนักเดินทางหลายๆ ท่านแล้ว ยังเป็นการได้เอาชนะใจตัวเอง และก้าวข้ามขีดจำกัดของร่างกายตนเองอีกด้วย
Next to be continued >> ติดตามตอนต่อไปกับการใช้ชีวิตอยู่บนภูกระดึง และตอนเดินลงที่ยังไม่มีใครเคยรีวิว สนุกกว่าตอนขึ้นเยอะมากค่ะ
“ยิ่งสูง วิวยิ่งสวย”
Triple Bs and One NA
เอกสารอ้างอิง
1. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. (ม.ป.ป.). อุทยานแห่งชาติภูกระดึง. สืบค้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2567, จาก https://nps.dnp.go.th/parksdetail.php?id=62