“กรอบแนวคิดแบบเติบโต” เป็นกรอบแนวคิดยืดหยุ่น ที่เชื่อว่าความสามารถของทุกคนนั้นเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผ่านความพยายาม ไม่ยอมแพ้ และการเรียนรู้ แม้จะอยู่ท่ามกลางสภาวะที่ยากลำบาก เรียกได้ว่า คนเหล่านั้นจะฝ่าฟันเรื่องยากมองอุปสรรคไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นโอกาสที่จะลองสิ่งใหม่ เพื่อบรรลุเป้าหมายระยะยาวต่อไป
ศูนย์วิจัยความสุขคนทำงานแห่งประเทศไทย สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ได้พัฒนาโมเดลมิเตอร์ความสุข (HAPPINOMETER MODEL) ใช้เป็นรูปแบบและกระบวนการการสร้างเสริมสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดี (Health and Well-being) ของคนทำงาน และองค์กรแห่งความสุข (Happy Workplace) โดยใช้เครื่องมือวัดความสุขด้วยตนเองแฮปปีโนมิเตอร์ (HAPPINOMETER Self-Assessment) สำรวจคนทำงานในองค์กรทั่วประเทศเป็นรายปี มาตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน นอกเหนือจากสร้างเสริมสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดีแล้ว โมเดลมิเตอร์ความสุข ยังช่วยส่งเสริมและสนับสนุนกรอบแนวคิดแบบเติบโตของคนทำงาน
ผลสำรวจรายปี 2566 ของคนทำงานจำนวน 19,563 คน จากองค์กร 251 แห่ง พบว่า ภาพรวม กรอบแนวคิดแบบเติบโตของคนทำงาน ด้านการทุ่มเททำงานเพื่อองค์กร ร้อยละ 82.9 ด้านความสนใจที่จะพัฒนาตนเองเพื่อความก้าวหน้าในชีวิต ร้อยละ 79.1 ด้านการทำงานอย่างมีเป้าหมายในทุกๆ วัน ร้อยละ 77.5 ด้านความสนใจแสวงหาความรู้ใหม่ๆ เพิ่มเติม ร้อยละ 66.4 และ ด้านการเป็นคน คิดใหม่ ทำใหม่ เพื่อสร้างความก้าวหน้าให้กับองค์กร ร้อยละ 66.1 (รูป 1)
รูป 1: ร้อยละของกรอบแนวคิดแบบเติบโต
ที่มา: การสำรวจความสุขคนทำงาน (ในองค์กร) ระดับประเทศ พ.ศ. 2566
(เดือนตุลาคม 2566-มีนาคม 2567)
เมื่อจำแนกคนทำงานด้วยรุ่นคน (Generations) ผลสำรวจประจำปี 2566 แสดงกลุ่มตัวอย่างเป็นคนรุ่น Y (เกิดช่วงปี 2523-2538) มีสัดส่วนมากที่สุด (ร้อยละ 52.4) ขณะที่คนรุ่น BB (เกิดช่วงปี 2489-2507) มีสัดส่วนน้อยที่สุด (ร้อยละ 2.0) ในเวลาเดียวกัน คนรุ่น X (เกิดช่วงปี 2508-2522) และคนรุ่น Z (เกิดช่วงปี 2539-2553) มีสัดส่วนร้อยละ 26.1 และร้อยละ 19.5 ตามลำดับ
เมื่อเน้นไปที่กรอบแนวคิดแบบเติบโตกับรุ่นคนทำงาน พบว่า คนรุ่น BB เป็นคนทำงานที่มีกรอบแนวคิดแบบเติบโตสูงที่สุด คิดเป็นร้อยละ 78.5 รองลงมาเป็นคนรุ่น X ร้อยละ 60.7 คนรุ่น Y ร้อยละ 57.0 และคนรุ่น Z ร้อยละ 53.7 ตามลำดับ
คนรุ่น BB จึงเปรียบเสมือนเป็นเสาหลักขององค์กร ผ่านประสบการณ์และความยากลำบากในการทำงานมานาน ความขยัน อดทน ทุ่มเท ทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่ในกรอบระเบียบ วินัยอย่างเข้มงวด จึงมักแตกต่างไปจากคนยุคใหม่อย่างคนรุ่น Y และคนรุ่น Z บริบทการทำงานอย่างรวดเร็วและทำหลายอย่างในคราวเดียวกัน (multitasking skills) สะท้อนความยืดหยุ่นในการปรับตัวของคนรุ่น BB เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมการทำงานผลักดันให้ทักษะทางดิจิทัลกลายเป็นทักษะพื้นฐาน ให้คนรุ่น BB อยู่รอดในบริบทการทำงานแบบใหม่ได้1
กรอบแนวคิดแบบเติบโต …เรียนรู้ พยายาม ไม่ยอมแพ้ของรุ่นคนทำงาน ขออย่าเป็นเพียงความใฝ่ฝันขององค์กร ขอให้เป็น “คุณสมบัติของคนทำงาน” ที่หมั่นเรียนรู้ มุ่งพยายาม ไม่ยอมแพ้ ของคนทำงานทุกรุ่นคน
การสร้างเสริม “กรอบแนวคิดแบบเติบโต” ของคนทำงานไม่ควรดำเนินการแบบเหมารวมทุกรุ่นคน (one fit for all (gen)) แต่ควรนำเอกลักษณ์ ความโดดเด่นของคนทำงานแต่ละรุ่นคนเป็นฐานในการพัฒนาสำหรับการออกแบบนโยบายและมาตรการด้านการพัฒนาศักยภาพคนทำงาน
การส่งเสริมและพัฒนากรอบแนวคิดแบบเติบโตของคนทำงานในองค์กรทุกรุ่นคน (generations) นับเป็นความท้าทายอย่างยิ่งในการบริหารจัดการองค์กร
เอกสารอ้างอิง