The Prachakorn

การดูแลผู้สูงอายุเมื่อสัตว์เลี้ยงแสนรักกลับดาว


ทิฆัมพร สิงโตมาศ

12 ธันวาคม 2567
212



“การดูแลผู้สูงอายุที่สูญเสียสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องการดูแลทั้งกาย ใจ สังคม และจิตวิญญาณ ผ่านระบบสนับสนุนทุกช่วงของการสูญเสีย ร่วมกับการส่งเสริมแนวคิด death empathy หรือความเข้าอกเข้าใจต่อการสูญเสียที่ครอบคลุมถึงทุกชีวิต”

การสูญเสียเป็นประสบการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตมนุษย์ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่มักเผชิญกับการจากลาคนที่รักมากขึ้นเมื่อช่วงชีวิตล่วงเลยไป การเผชิญกับความสูญเสียของผู้สูงอายุไม่เพียงเพิ่มความเสี่ยงในการแยกตัวทางจากสังคมทั้งระยะสั้นและระยาว แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เกิดหรือเร่งให้เกิดอาการเจ็บป่วยใหม่ๆ จากความวิตกกังวลและความซึมเศร้าอย่างต่อเนื่องจนอาจนำไปสู่การเสียชีวิตก่อนวัยอันควร1 งานวิจัยในประเทศแคนาดาชี้ให้เห็นว่า การสูญเสียสัตว์เลี้ยงเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้สูงอายุ โดยเฉพาะกลุ่มที่อาศัยอยู่ตามลำพังกับสัตว์เลี้ยง ซึ่งกิจกรรมทางกาย สุขภาวะทางอารมณ์ และการมีส่วนร่วมในสังคมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งร้อยละ 30 รู้สึกว่า ความโศกเศร้าจากการสูญเสียสัตว์เลี้ยงเป็นความโศกเศร้าที่ไม่ได้รับการยอมรับ (Disenfranchised Grief) และขาดการสนับสนุนจากคนรอบข้างในการแสดงออก เช่น ถูกมองว่าการร้องไห้และการแสดงความเสียใจต่อการจากไปของสัตว์เลี้ยงของผู้สูงอายุเป็นเรื่องเกินจำเป็น การแนะนำให้รีบหาสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ และการพูดถึงผลเชิงบวกของการสูญเสียที่ทำให้ผู้สูงอายุเป็นอิสระจากภาระการดูแลสัตว์เลี้ยง แม้ผู้พูดจะมีเจตนาให้ผู้สูงอายุก้าวผ่านความโศกเศร้าได้ แต่สำหรับผู้สูงอายุที่มองสัตว์เลี้ยงเสมือนบุคคลสำคัญหนึ่งในชีวิต สิ่งเหล่านี้จึงเป็นการลดทอนคุณค่าของสัตว์เลี้ยงที่ตายไป2


รูป 1 คุณป้าขณะร่วมพิธีศพของเลดี้
ภาพโดย ผู้เขียน

Melanie Donohue นักสังคมสงเคราะห์ทางคลินิกผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาและจิตบำบัดสำหรับผู้สูงอายุมองว่า การจัดการความโศกเศร้าของผู้สูงอายุที่สูญเสียสัตว์เลี้ยงจำเป็นต้องเข้าใจบทบาทของสัตว์เลี้ยงในชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ เนื่องจากการดูแลสัตว์เลี้ยงเป็นกระบวนการสร้างความหมายและจุดมุ่งหมายในชีวิตของผู้สูงอายุ ที่ครั้งหนึ่งอาจเคยสูญเสียเป้าหมายการดำเนินชีวิตไปแล้วหลังการเกษียณ ดังนั้น สิ่งสำคัญในการช่วยเหลือผู้สูงอายุรับมือความโศกเศร้าดังกล่าวคือ ระบบสนับสนุนการดูแลทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการสูญเสีย โดยครอบคลุม 5 เรื่องดังนี้3

  1. การช่วยเหลือช่วงสัตว์เจ็บป่วย เช่น การไปพบสัตวแพทย์เป็นเพื่อน การช่วยสื่อสารข้อมูลการรักษา เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถเข้าใจสถานการณ์ความเจ็บป่วยของสัตว์เลี้ยงและวางแผนการรักษาระยะท้ายได้อย่างเหมาะสม
  2. การดูแลจิตใจด้วยการรับฟัง เมื่อเผชิญความเศร้าหลังการสูญเสียสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รัก ผู้สูงอายุอาจแค่ต้องการแค่ใครสักคนที่รับฟัง ให้พวกเขารู้สึกว่า ความตายของสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องที่สามาถพูดออกมาได้ บางคนอาจอยากพูดถึงความทรงจำเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก ความเชื่อที่เกี่ยวกับชีวิตหลังความตายของสัตว์เลี้ยง การระบายความเศร้า ขณะที่บางคน อาจเลือกที่จะไม่พูดถึงอีกเลย แต่ต้องการเพียงคนที่อยู่ข้างๆ
  3. การช่วยเหลือกิจวัตรประจำวัน ความเศร้าโศกอาจทำให้การดำเนินกิจวัตรประจำวันและการดูแลบ้านเป็นเรื่องยากสำหรับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะคนที่มีข้อจำกัดด้านสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว การไปช่วยซื้อของ ทำธุระ ทำอาหารที่มีประโยชน์ และช่วยงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ เป็นการสนับสนุนให้ผู้สูงอายุกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีหลังเผชิญความสูญเสีย
  4. การแนะนำสัตว์เลี้ยงตัวใหม่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม การมีสัตว์เลี้ยงตัวใหม่เป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุที่ยังสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ กลับมามีเป้าหมายในชีวิตอีกครั้ง ทว่าการแนะนำจะต้องเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผู้สูงอายุมีความพร้อม ไม่รีบเร่ง หรืออยู่ในช่วงที่กำลังโศกเศร้า เพราะอาจถูกมองว่า เป็นการไม่เคารพในคุณค่าของสัตว์เลี้ยงที่ตายเพิ่งจากไป
  5. การแนะนำให้พบผู้เชี่ยวชาญ ในบางกรณีความโศกเศร้าอาจมีความยาวนานและต้องได้รับการเยียวยาโดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งอาจในอยู่รูปแบบของกลุ่มสนับสนุนด้านจิตใจหรือการไปพบนักบำบัด  

ในหนังสือชื่อ “The Pet Loss Companion: Healing Advice from Family Therapists Who Lead Pet Loss Groups” โดย Ken Dolan-Del Vecchio และ Nancy Saxton-Lopez นักบำบัดด้านครอบครัว กล่าวถึง บทบาทของครอบครัวและเครือข่ายทางสังคมที่มีส่วนช่วยอย่างมากต่อการก้าวผ่านความสูญเสียจากการตายของสัตว์เลี้ยง เช่นเดียวกับการทำพิธีไว้อาลัยและการจดจำรำลึกอย่างการจัดพิธีศพให้สัตว์เลี้ยงโดยมีคนในครอบครัวและเพื่อนเข้าร่วมงาน การจัดทำของที่ระลึก การเก็บรักษาสิ่งหลงเหลือจากสัตว์เลี้ยง การสร้างหลุมศพ/อนุสรณ์สถาน และการแบ่งปันเรื่องเล่าชีวิตหลังความตายของสัตว์เลี้ยงกับเครือข่ายทางสังคม กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงเป็นการรักษาสายสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยงหลังความตาย แต่ยังเป็นการสร้างพื้นที่ให้การแสดงความโศกเศร้าอาลัยต่อการตายของสัตว์เลี้ยงถูกมองเห็น ซึ่งจะทำให้ผู้สูงอายุกล้ายอมรับกับความสูญเสียและก้าวผ่านความโศกเศร้าได้ดีขึ้น4

นอกจากนี้ ในมุมมองของผู้เขียน การวางแผนสุขภาพล่วงหน้าและการทำ Living Will สำหรับสัตว์เลี้ยงยังเป็นอีกทางเลือกของการดูแลใจผู้สูงอายุจากการสูญเสียสัตว์เลี้ยง เนื่องจากทำให้ผู้สูงอายุมีโอกาสทบทวนความสัมพันธ์และความทรงจำที่มีร่วมกับสัตว์เลี้ยงเพื่อเลือกแนวทางการดูแลวาระท้ายที่เหมาะสมกับความต้องการของทั้งคนและสัตว์ รวมถึงวางแผนเพื่อการจากลาหากเกิดเหตุไม่คาดคิดที่ผู้สูงอายุต้องจากไปก่อน การทำ Living Will สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่สัตว์เลี้ยงยังมีสุขภาพดี เป็นกระบวนการที่ช่วยให้ผู้สูงอายุลดความกังวลว่าสัตว์จะไม่ได้รับการดูแลหากตนเองไม่อยู่ ขณะเดียวกันก็เป็นแนวทางให้ดูแลคนใหม่สามารถเข้าใจและดูแลสัตว์เลี้ยงได้ตามเจตนารมณ์ของผู้เป็นเจ้าของเดิม ดังนั้น ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายจากไปก่อน เมื่อวันแห่งการสูญเสียมาถึงก็จะเป็นเพียงวาระที่มีแต่ความเสียใจ แต่ไม่มีความรู้สึกเสียดาย หรือความรู้สึกผิดติดค้างในใจ5

โดยสรุป การจัดการความโศกเศร้าของผู้สูงอายุเมื่อสูญเสียสัตว์เลี้ยง ควรเป็นการฟื้นฟูสุขภาวะทางกาย ใจ สังคม และจิตวิญญาณที่ดำเนินควบคู่กัน ผ่านระบบการสนับสนุนตั้งแต่ช่วงก่อน ระหว่าง และหลังการสูญเสีย ขณะเดียวกัน เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุสามารถแสดงออกถึงโศกเศร้าความอาลัยต่อสัตว์เลี้ยงที่จากไปได้อย่างเปิดเผย เพื่อเป็นการลดผลกระทบทางลบของความโศกเศร้าที่ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม ทั้งนี้ สิ่งสำคัญประการหนึ่งในการจัดการความโศกเศร้าจากการสูญเสียสัตว์เลี้ยง คือ การส่งเสริมแนวคิด death empathy หรือความเข้าอกเข้าใจต่อการสูญเสียที่ครอบคลุมถึงทุกชีวิต รวมถึงการมองสัตว์เลี้ยงในฐานะ "ชีวิตที่มีความหมาย" ที่สามารถได้รับการแสดงความโศกเศร้าได้ มากกว่าการเป็นสิ่งที่สามารถสูญเสียได้ แนวทางนี้ไม่เพียงช่วยบรรเทาความโศกเศร้าของผู้สูญเสียสัตว์เลี้ยงในระยะยาว แต่ยังเป็นการยกระดับคุณค่าและความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์เลี้ยงในสังคม ที่ทั้งคนและสัตว์ต่างก็เผชิญกับความท้าทายจากการสูงวัยไปพร้อมกัน


เอกสารอ้างอิง

  1. Newson, R. S., Boelen, P. A., Hek, K., Hofman, A., & Tiemeier, H. (2011). The prevalence and characteristics of complicated grief in older adults. Journal of affective disorders, 132(1-2), 231–238. https://doi.org/10.1016/j.jad.2011.02.021 สืบค้นเมื่อ 17 พฤศจิกายน
  2. Brown, C. A., Wilson, D. M., Carr, E., Gross, D. P., Miciak, M., & Wallace, J. E. (2023). Older adults and companion animal death: A survey of bereavement and disenfranchised grief. Human-Animal Interactions. https://doi.org/10.1079/hai.2023.0017 สืบค้นเมื่อ 17 พฤศจิกายน
  3. Melanie Donohue. (2021). Helping Seniors Cope with Pet Loss. Blue Moon Senior Counseling. https://bluemoonseniorcounseling.com/helping-seniors-cope-with-pet-loss/ สืบค้นเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2567
  4. Del Vecchio, K. and Saxton-Lopez, N. (2013). The Pet Loss Companion: Healing Advice from Family Therapists Who Lead Pet Loss Groups. CreateSpace Independent Publishing Platform.
  5. อ่านเรื่องการวางแผนสุขภาพล่วงหน้าและการทำ Living Will สำหรับสัตว์เลี้ยงได้จาก ทิฆัมพร สิงโตมาศ (2567). เมื่อสัตว์เลี้ยงสูงวัย เตรียมตัวอย่างไรให้จากลาอย่างมีคุณค่า. The Prachakorn. https://www.theprachakorn.com/newsDetail.php?id=983

 

 


Tags :

CONTRIBUTOR

Related Posts
Copyright © 2020 สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 73170
โทรศัพท์ 02-441-0201-4 โทรสาร 02-441-9333
Webmaster: piyawat.saw@mahidol.ac.th