The Prachakorn

พลังชีวิต: ข้อคิดเพื่อคนทุกวัย


นงเยาว์ บุญเจริญ

30 ธันวาคม 2567
23



โครงสร้างทางอายุของประชากรในประเทศไทย เปลี่ยนแปลงเป็นประชากรสูงวัยเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี และปัจจุบันก้าวสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ คือ กว่า 1 ใน 5 ของประชากรไทยเป็นประชากรที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป อัตราการเพิ่มประชากรสูงอายุ รวดเร็วกว่าประชากรในวัยเด็ก (อายุ 0-14 ปี) และวัยแรงงาน (อายุ 15-59 ปี) โดยคาดการณ์ว่าภายใน 10-15 ปีข้างหน้ากว่า 1 ใน 3 ของประชากรไทยเป็นประชากรสูงอายุ

การเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมสูงอายุ ไม่เพียงเป็นบทบาทของรัฐในการส่งเสริมและสนับสนุน หัวใจสำคัญคือ ประชากรไทยทุกคนต้องตระหนักถึงประเด็นท้าทายต่างๆ ในบริบทสังคมสูงวัยที่จะเกิดขึ้นกับตนเองและสังคม สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนที่จะก้าวสู่วัยสูงอายุเพื่อให้สามารถพึ่งตนเองได้ เป็นที่พึ่งให้กับคนอื่น ไม่ใช่ภาระของสังคม ซึ่งต้องเตรียมทั้งการพัฒนาคุณภาพตนเองและความพร้อมในทุกมิติ ด้านความรู้ เศรษฐกิจ สุขภาพการอยู่อาศัย และสภาพแวดล้อม

หนังสือ “พลังชีวิต: ข้อคิดเพื่อคนทุกวัย” จัดทำโดยวิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พิมพ์ขึ้นเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาวิทยาลัยประชากรศาสตร์ ครบรอบ 57 ปี เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้เริ่มด้วยหลักวิชาการ ชี้ให้ผู้อ่านตระหนักถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมใน 7 มิติให้กับตนเองและครอบครัว และหลักคิดเพื่อช่วยแก้ไขนิสัย ปรับความคิด ทัศนคติ เพื่อให้สามารถก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุด้วยจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุขการฝึกปล่อยวาง และวิธีการรับมือกับบทบาทของผู้สูงอายุในสังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์

หลักคิดให้ใจเป็นสุขสำหรับผู้สูงอายุ: แก้ไขนิสัย ปรับความคิดและทัศนคติเพื่อเป็นผู้สูงอายุที่มีความสุข ปั้นปลายชีวิตจะได้พบกับความสงบสุข สิ่งสำคัญในการรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต คือทัศนคติและวิธีคิดที่ถูกต้อง รวมถึงอุปนิสัยบางอย่างที่ควรต้องลดและเลิก

  • นิสัยดื้อรั้น เอาแต่ใจ จู้จี้ ไม่ยอมฟังใคร สิ่งสำคัญที่สุดคือสุขภาพร่างกายและจิตใจ ให้มองข้ามเรื่องเล็กๆ ปล่อยวาง มองโลกในแง่ดี มีความเมตตา และหัดให้อภัย เพื่อให้ความสัมพันธ์กับคนที่ดูแล ไม่เกิดความขัดแย้ง
  • น้อยใจ คิดมาก อ่อนไหว หูเบา การขี้น้อยใจจะส่งผลต่อสุขภาพจิต ทำให้ใจหดหู่ ซึมเศร้า บั่นทอนความสุขของตัวเอง ซึ่งวิธีแก้เหมือนกับคนนิสัยขี้บ่น จงคิดว่า “ใครไม่รัก ไม่ห่วงใยเรา ก็ยังไม่ร้ายแรงเท่ากับ เราไม่รักและไม่ห่วงใยตัวเอง”
  • กังวลไม่อยากให้ตนเป็นภาระของลูกหลาน ความเกรงใจเป็นสิ่งดี แต่ถ้ามากเกินไป จะรู้สึกอึดอัด การที่ลูกหลานยินดีและเต็มใจให้ของ ขอให้มองว่าเขากำลังทำบุญ วันข้างหน้าบุญกุศลนี้จะส่งผลย้อนกลับไปให้พวกเขาสมบูรณ์
  • กลัวว่าบั้นปลายตัวเองอาจต้องนอนติดเตียง การเจ็บไข้จะหนักหรือเบา จะเร็วหรือช้า คาดเดาไม่ได้ ขึ้นอยู่กับวิบากกรรมให้ละเลิกการเบียดเบียนหรือทรมานสัตว์ ทำบุญสงเคราะห์คนที่เขาเจ็บป่วย การทำบุญภายนอกแล้ว ต้องทำบุญภายในด้วยการปฏิบัติธรรม สวดมนต์ไหว้พระ ฟังเทศน์และการเจริญภาวนา
  • กลัวตายไม่อยากพลัดพรากจากครอบครัว การระลึกถึงความตายบ่อยๆ ทำให้ไม่ประมาท เตือนสติให้ทำแต่สิ่งที่ดีงาม
  • กลัวโดดเดี่ยวไม่มีใครดูแล “ใครทำอย่างไรไว้ ก็ต้องได้รับผลอย่างนั้น” ปั้นปลายจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับการกระทำของตนเอง ให้คิดว่าเวลาเกิดมาคนเดียว เวลาตายก็ต้องตายคนเดียว แม้จะไม่มีใครให้พึ่ง แต่ทางใจพึ่งธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้าได้
  • โดนผู้ดูแลดุด่า ตะคอกใส่ และบังคับจิตใจ ก่อนที่จะโทษคนอื่น ให้สำรวจพฤติกรรมตนเองก่อน ในยามต้องพึ่งพาคนอื่น เราต้องเป็นผู้เลี้ยงง่าย แต่ถ้าสำรวจแล้ว เหตุไม่ได้เกิดจากเรา ในทางพระพุทธศาสนาให้มองเป็นเรื่องของเวรกรรม
  • หัดแผ่เมตตาและให้อภัย ปล่อยวางให้คนอื่นดูแลร่างกายเราส่วนตัวเราหันมาดูแลจิตใจด้วยการเจริญสติภาวนา
  • รู้สึกเบื่อ ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว การพึ่งพาคนอื่นทุกเรื่อง ทำให้คิดว่าตนเองไม่มีคุณค่า แต่คุณค่าทางจิตใจสร้างได้ด้วยการมีสติ ทำจิตใจให้สงบ

หลักคิดให้ใจเป็นสุขสำหรับผู้ดูแล: ทัศนคติและวิธีรับมือกับภาระที่หนักอึ้งของผู้ดูแล

งานดูแลผู้สูงอายุหรือคนป่วย ถ้าเป็นลูกหลานถือว่าเป็นการทดแทนพระคุณ หรือถ้าเป็นลูกจ้างถือเป็นอาชีพ เป็นงานที่ต้องดูแลทั้งร่างกายและจิตใจ อาศัยความอดทนควบคู่ไปกับความมีเมตตา ให้อภัยและมีทัศนคติที่ดี


ที่มา: วิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2566). พลังชีวิต: ข้อคิดเพื่อคนทุกวัย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.


Tags :

CONTRIBUTOR

Related Posts
Copyright © 2020 สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 73170
โทรศัพท์ 02-441-0201-4 โทรสาร 02-441-9333
Webmaster: piyawat.saw@mahidol.ac.th