The Prachakorn

นกพิราบและนกเขา


วรชัย ทองไทย

28 กุมภาพันธ์ 2568
205



นกพิราบและนกเขา ..... สัญลักษณ์ของสันติภาพ เสรีภาพ ความรัก และการสื่อสาร

นกพิราบ (pigeon) (ดูรูป 1) และนกเขา (dove) (ดูรูป 2) เป็นนกวงศ์ Columbidae ที่มีมากกว่า 300 สายพันธุ์ กระจายกันอยู่ทั่วโลก ปัจจุบันนกวงศ์นี้ราว 60 สายพันธุ์ใกล้จะสูญพันธุ์ และกว่า 10 สายพันธุ์ได้สูญพันธุ์ไปแล้ว อันรวมถึงนกโดโด (dodo) (ดูรูป 3) ด้วย

ที่มารูป 1: https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Pigeon_shot.jpg
รูป 2: https://pigeonpedia.com/pigeons/
รูป 3: https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Dronte_17th_Century_color_corrected.jpg
สืบค้นเมื่อ 8 มกราคม 2568

นกพิราบและนกเขามีลักษณะเด่นที่เหมือนกันคือ ขาสั้น ลำตัวอ้วนกลม คอสั้น หัวเล็ก จะงอยปากสั้นเรียว ในบางสายพันธุ์จะมีจมูกเป็นเนื้อเยื่อหนา นกพิราบและนกเขามีปีกขนาดใหญ่ และกล้ามเนื้อปีกที่แข็งแรง จึงจัดอยู่ในกลุ่มนกที่บินแกร่งที่สุด
    
ในวิชาปักษีวิทยาจะเรียกสายพันธุ์ที่ใหญ่กว่าว่า "นกพิราบ" และสายพันธุ์ที่เล็กกว่าว่า "นกเขา" ในภาษาอังกฤษคำว่า "pigeon" และ "dove" มักจะใช้แทนกัน แต่ในภาษาไทย "นกพิราบ" และ "นกเขา" เป็นนก 2 ชนิด ที่แตกต่างกัน
    
นกพิราบและนกเขาทำรังด้วยกิ่งไม้ กินพืช เมล็ดพืช ธัญพืช และผลไม้เป็นอาหาร ออกไข่สีขาวครั้งละ 2 ฟอง ในปีหนึ่งอาจออกไข่ได้ถึง 6 ครั้ง โดยทั้งตัวผู้และตัวเมียจะผลัดกันฟักไข่
    
นกพิราบและนกเขาได้ถูกนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงตั้งแต่สมัยโบราณ จึงทำให้เกิดนกพิราบและนกเขาบ้านหลากหลายชนิดตามความต้องการของผู้เลี้ยง เช่น นกพิราบสวยงาม นกเขาเสียงเพราะ นกพิราบสื่อสาร นกพิราบแข่ง นกเขาปล่อย
      
นกพิราบสื่อสารเป็นนกพิราบสายพันธุ์ Homer ที่มีความสามารถในการหาทางกลับรังของตัวเองได้ในระยะทางไกล ด้วยการใช้สนามแม่เหล็กโลก (Earth's magnetic field) นำทาง
    
ในการใช้นกพิราบเพื่อการสื่อสาร ผู้ส่งสารจะนำนกพิราบของผู้รับติดตัวไปด้วย เมื่อต้องการส่งสารก็จะเขียนข้อความลงบนกระดาษบางๆ แล้วม้วนเป็นท่อเล็กๆ และนำไปสวมที่ขานกพิราบ จากนั้นก็จะปล่อยนกพิราบออกจากกรง เพื่อให้นกพิราบบินกลับไปหาผู้รับเอง
    
นกพิราบสื่อสารมีบทบาทสำคัญในสงครามมาช้านาน เนื่องจากนกพิราบสื่อสารบินได้รวดเร็วและสูง จึงมักถูกนำใช้ในการสื่อสารทางทหาร ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 นกพิราบสื่อสารจำนวนมากถูกนำมาใช้เพื่อส่งข้อความในสนามรบ โดยมีนกพิราบสื่อสารถึง 32 ตัว ที่ได้รับเหรียญกล้าหาญในฐานะที่ช่วยชีวิตมนุษย์
    
นกพิราบแข่งเป็นนกพิราบสายพันธุ์ Racing Homer ที่ได้รับการฝึกฝนและปรับสภาพร่างกายเป็นพิเศษ สำหรับการแข่งขันที่มีระยะทางแตกต่างกันตั้งแต่ 100 กิโลเมตร ถึง 1,000 กิโลเมตร

การแข่งนกพิราบเป็นกีฬาที่ปล่อยนกพิราบกลับบ้าน โดยนกพิราบแข่งจะต้องบินกลับรังตามระยะทางที่กำหนด กีฬาแข่งนกพิราบเริ่มมีขึ้นในปี 220
    
สำหรับการแข่งแบบปัจจุบันเริ่มต้นขึ้นในประเทศเบลเยียม เมื่อปี1818 อันเป็นการแข่งขันนกพิราบระยะทางไกลครั้งแรกที่มีระยะทางมากกว่า 160 กิโลเมตร หลังจากนั้น กีฬาแข่งนกพิราบก็ได้แพร่หลายไปยังส่วนต่างๆ ของโลก กีฬาแข่งนกพิราบได้ถูกบรรจุให้เป็นกีฬาสาธิต ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี 1900 ด้วย
    
นกเขาปล่อยเป็นนกเขาบ้านสีขาวตัวเล็ก ที่ใช้ปล่อยในงานพิธีต่างๆ เช่น พิธีสาธารณะ งานแต่งงาน งานศพ โดยใช้นกเพื่อสื่อความหมายเชิงสัญลักษณ์สำหรับเหตุการณ์นั้นๆ

โดยทั่วไปนกเขาใช้เป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ เสรีภาพ หรือความรัก นกพิราบใช้เป็นสัญลักษณ์ของการสื่อสาร ส่วนนกโดโดใช้เป็นสัญลักษณ์ของการสูญพันธุ์ อันเกิดมาจากการที่มนุษย์ได้อพยพเข้ามาสู่ระบบนิเวศน์ ที่ไม่เคยมีมนุษย์อยู่อาศัยมาก่อน

นกโดโดเป็นนกประจำถิ่นของประเทศมอริเชียส (Mauritius) ประเทศเกาะในมหาสมุทรอินเดีย ทางตะวันออกของประเทศมาดากัสการ์ (Madagascar) และได้สูญพันธุ์ไปในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 เมื่อมนุษย์ได้อพยพมาตั้งบ้านเรือนบนเกาะนี้

เนื่องจากนกโดโดอาศัยอยู่บนเกาะห่างไกลที่มีสัตว์นักล่าน้อยมาก ทำให้สูญเสียความสามารถในการหลบเลี่ยงสัตว์นักล่า รวมถึงความสามารถในการบิน นกโดโดจึงมีปีกสั้นและทำรังบนพื้นดิน

นกโดโดเป็นนกใหญ่ที่สุดในวงศ์ Columbidae มีน้ำหนักประมาณ 23 กิโลกรัม มีขนสีเทาและเท้าสีเหลือง มีปากงอนใหญ่สีเขียวเหลือง กินผลไม้ เมล็ดพืช และถั่ว

เมื่อนกโดโดไม่รู้จักมนุษย์ จึงไม่กลัวมนุษย์และไม่วิ่งหนีเมื่อเห็นมนุษย์ ทำให้ถูกฆ่าและถูกจับโดยง่าย เพื่อใช้ทำเป็นอาหาร ยิ่งกว่านั้น สุนัข แมว หมู และหนู ที่มาพร้อมกับมนุษย์ก็ได้ฆ่านกโดโด รวมทั้งกินไข่ของนกโดโดที่อยู่ในรังบนพื้นดินอีกด้วย

การบุกรุกป่าเพื่อทำเป็นที่อยู่อาศัยและทำการเกษตรของมนุษย์ ได้ทำให้ถิ่นที่อยู่อาศัยของนกโดโดลดน้อยลง อันส่งผลให้นกโดโดสูญพันธ์ุไปภายในเวลาเพียง 80 ปี

ในทางกลับกัน เมื่อนกพิราบและนกเขาบ้านหลุดออกไป หรือถูกปล่อยโดยตั้งใจ นกเหล่านี้ก็จะไปทำรังอยู่ตามอาคารบ้านเรือน และหาอาหารที่มีอย่างสมบูรณ์ในเมือง ทำให้ออกลูกออกหลานเป็นจำนวนมาก อันก่อให้เกิดเป็นปัญหาต่างๆ ตามมา
    
นกพิราบและนกเขาบ้านที่ออกไปอยู่ตามธรรมชาตินี้เรียกว่า นกพิราบป่า (feral pigeon) แต่เพราะอาศัยอยู่ในเมือง จึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า นกพิราบเมือง (city pigeon) หรือนกเขาเมือง (city dove)

ปัญหาใหญ่ของนกพิราบป่าคือ มูลนกที่ถูกถ่ายออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งนอกจากจะทำให้ตัวอาคารสกปรกแล้ว มูลนกยังมีฤทธิ์เป็นกรดสูงซึ่งจะกัดกร่อนโลหะ หิน และอิฐ ส่งผลให้เกิดความเสียหายร้ายแรงกับตัวอาคาร นอกจากนี้ มูลนกพิราบยังมีเชื้อโรคที่สามารถทำให้คนเป็นโรคได้ เช่น โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคปอดอักเสบ
    
เพราะนกพิราบเป็นพาหะนำโรคสู่คน รวมทั้งทำให้ทรัพย์สินเสียหาย นกพิราบจึงมักถูกมองว่าเป็นสัตว์รบกวนและรุกราน ทำให้ถูกตั้งฉายาว่า "หนูมีปีก"
    
เราสามารถป้องกันไม่ให้นกพิราบเข้ามาใกล้ตัวอาคารได้ ด้วยการใช้ลวดกันนก ตะปูกันนก และตาข่ายกันนก
    
ในปีที่ผ่านมา (2024) รางวัลอีกโนเบล สาขาสันติภาพได้มอบให้กับนักวิจัยจากสหรัฐอเมริกา (B.F. Skinner) ที่ได้ทำการวิจัยทดลองค้นหาความเป็นไปได้ของการเลี้ยงนกพิราบในตัวขีปนาวุธ เพื่อจะได้ใช้เป็นตัวกำกับเส้นทางบินของขีปนาวุธ

รางวัลอีกโนเบล: รางวัลผลงานที่ทำให้ “ยิ้ม” ก่อน “คิด”


หมายเหตุ: ขยายความจาก “นกพิราบและนกเขา” ในประชากรและการพัฒนา 45(3) กุมภาพันธ์-มีนาคม 2568: 7



CONTRIBUTOR

Copyright © 2020 สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 73170
โทรศัพท์ 02-441-0201-4 โทรสาร 02-441-9333
Webmaster: piyawat.saw@mahidol.ac.th