การแสวงหาคำตอบของนักวิจัยในงานวิจัยทางสังคมศาสตร์ก็เพื่อมุ่งค้นหาความรู้และข้อเท็จจริงเพื่อตอบปัญหาวิจัย ข้อมูลที่ได้จากการวิจัยล้วนมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางสังคม พัฒนาองค์ความรู้ และสร้างนโยบายที่มีประสิทธิภาพอย่างไรก็ดี หัวใจสำคัญของกระบวนการวิจัยมิได้อยู่แค่เพียงการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการให้ความสำคัญกับผู้ให้ข้อมูล (participants) ผู้ที่เป็นบุคคลสำคัญที่ให้ข้อมูลมาสนับสนุนในการวิเคราะห์เพื่อหาคำตอบ ข้อสงสัยของปัญหาวิจัย จึงนับว่าผู้ให้ข้อมูลคือผู้ร่วมสร้างงานวิจัยที่ช่วยเพิ่มความถูกต้องและความสมบูรณ์ให้กับงานวิจัย
กระบวนการเก็บข้อมูลวิจัยต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ให้ข้อมูล โดยนักวิจัยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ให้ข้อมูล และให้ความเคารพผู้ให้ข้อมูลโดยไม่เปิดเผยตัวตนผู้ให้ข้อมูล ยกเว้นแต่ว่าการให้ข้อมูลนั้น ผู้ให้ข้อมูลยินดีที่จะให้ระบุตัวตนอย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ให้ข้อมูลที่ต้องให้ความระมัดระวังอย่างมากคือ กลุ่มผู้เปราะบาง ดังนั้น ประเด็นเรื่องจริยธรรมทางการวิจัยจึงเป็นเรื่องที่นักวิจัยจะต้องให้ความสำคัญต่อการพิทักษ์สิทธิ สวัสดิภาพ และความเป็นส่วนตัวของผู้ให้ข้อมูล ให้เป็นไปตามหลักจริยธรรมการวิจัยในทางสังคมศาสตร์ที่สอดคล้องกับ The Belmont Report 1979
หลักในการปกป้องและคุ้มครองสิทธิผู้ให้ข้อมูล ตามหลักจริยธรรมการวิจัยของ The Belmont Report 1979 ประกอบด้วย3 หลักการสำคัญ คือ
1) หลักการเคารพในบุคคล (Respect for persons) ให้ความสำคัญเรื่องการเคารพในการยินยอมให้ข้อมูล ความเป็นส่วนตัว สิทธิส่วนบุคคลของผู้ให้ข้อมูล ปกป้องข้อมูล เก็บรักษาความลับของข้อมูลส่วนตัวของผู้ให้ข้อมูลอย่างมิดชิด โดยเฉพาะให้ความเคารพในกลุ่มเปราะบาง ที่จะต้องได้รับการยินยอมในการให้ข้อมูล โดยในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเริ่มใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Act: PDPA) พ.ศ. 2562 เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2565 โดยให้ความสำคัญกับ “ข้อมูลส่วนบุคคล” “ข้อมูลด้านสุขภาพส่วนบุคคล” และ “ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” ซึ่งกระบวนการจัดการข้อมูลจะต้องไม่ให้ระบุตัวตนผู้ให้ข้อมูล โดยสามารถดำเนินการด้วยการปิดบังตัวตนทั้งทางตรงและทางอ้อม
2) หลักการคุณประโยชน์ (Beneficence) ที่ต้องประเมินความเสี่ยงที่อาจก่ออันตรายต่อร่างกาย จิตใจ สถานะทางสังคมและเศรษฐกิจ และอันตรายทางกฎหมาย ที่อาจจะกระทบต่อผู้ให้ข้อมูล ขณะเดียวกันก็ต้องมีมาตรการที่จะป้องกันหรือลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งต้องสื่อสารอย่างโปร่งใส อธิบายวัตถุประสงค์ วิธีการ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นของงานวิจัยอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการระมัดระวังการตีตรา ทั้งในระหว่างกระบวนการขอความร่วมมือกับผู้ให้ข้อมูลไปจนถึงการนำเสนอผลการศึกษา ในส่วนของการให้ประโยชน์ เช่น ผู้ให้ข้อมูลได้รับเงินชดเชยจากการสูญเสียเวลาในการปฏิบัติงานในการให้ข้อมูล
3) หลักการยุติธรรม (Justice) คือไม่มีการเลือกปฏิบัติ นักวิจัยควรเคารพในความคิดเห็นของผู้ให้ข้อมูล รับฟังอย่างตั้งใจ เปิดใจต่อมุมมองที่แตกต่าง
ตัวอย่างการเก็บข้อมูลเด็กด้อยโอกาสในสถานสงเคราะห์เด็ก โดยคำนึงถึงหลักการ The Belmont Report 1979 มีดังนี้:
ทั้งนี้ การให้ความสำคัญกับผู้ให้ข้อมูลคือการให้เกียรติผู้ให้ข้อมูลที่เป็นผู้ร่วมสร้างงานวิจัย การปฏิบัติต่อผู้ให้ข้อมูลด้วยความเคารพ ความจริงใจ และความรับผิดชอบ ควรอยู่บนพื้นฐานของจริยธรรมการวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพของงานวิจัย
ภาพประกอบ freepik.com (premium license)
ดวงวิไล ไทยแท้
ดวงวิไล ไทยแท้
ปราโมทย์ ประสาทกุล
ภูเบศร์ สมุทรจักร