“ความสัมพันธ์ที่มั่นคงระหว่างพ่อแม่กับลูก เปรียบเสมือนหางเสือ ที่คอยประคับประคองลูกไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางต่อไปในอนาคต”
รูปแบบสายสัมพันธ์ระหว่างเด็กและพ่อแม่ เป็นรากฐานสำคัญสำหรับการเติบโตต่อไปในอนาคต สายสัมพันธ์ที่เข้มแข็ง จะส่งผลให้เด็กรู้สึกปลอดภัยและรู้สึกว่าตนเป็นที่รัก ซึ่งจะทำให้เด็กเติบโตต่อไปอย่างมั่นคง และมีวุฒิภาวะที่ดี
รูปแบบสายสัมพันธ์ระหว่างเด็กและพ่อแม่เป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับนิสัยพื้นฐานของเด็กเอง และการเลี้ยงดูของพ่อแม่
แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่าลูกมีสายสัมพันธ์กับเราแบบไหน? ในช่วงทศวรรษ 1970 นักจิตวิทยาเด็ก Mary Ainsworth ได้ออกแบบการทดสอบ เพื่อศึกษารูปแบบความผูกพันระหว่างลูกและผู้เลี้ยง การทดสอบนี้มีชื่อว่า Strange Situation โดยแบบทดสอบนี้จะดูปฏิกิริยาของเด็กอายุ 12-18 เดือน ใน 8 สถานการณ์ที่ได้กำหนดไว้ โดยในแต่ละสถานการณ์จะมีระยะเวลาไม่เกิน 3 นาที ดังนี้
ในแต่ละสถานการณ์ ผู้ทดสอบจะสังเกตปฏิกิริยาของเด็ก เช่น การเดินสำรวจห้อง การเล่นของเล่น ปฏิกิริยาเมื่อแม่ออกไป เมื่อแม่กลับมา และเมื่อต้องอยู่กับคนแปลกหน้าตามลำพัง จากการทดสอบนี้ Ainsworth ได้พัฒนาทฤษฎีความผูกพัน โดยแบ่งรูปแบบความผูกพันเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้
จากการศึกษาของ Ainsworth พบว่าเด็กส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม secure ราว 70% ที่เหลือเป็นกลุ่ม anxious และ avoidance อย่างละเท่า ๆ กัน
แน่นอนว่า กลุ่ม secure เป็นกลุ่มที่มีรูปแบบความผูกพันกับผู้เลี้ยงดูที่ดีที่สุด และจะเติบโตไปอย่างมั่นคงที่สุด เด็กกลุ่มนี้มีความเชื่อมั่นในผู้เลี้ยง และรู้สึกปลอดภัย นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ได้กล่าวว่าความสัมพันธ์นี้สำคัญอย่างยิ่งเมื่อเด็กโตขึ้นไปในอนาคต เพราะสายสัมพันธ์ที่มั่นคงเปรียบเสมือนหางเสือเรือ ที่คอยคัดท้ายและคอยระวังหลัง คอยฉุดรั้งและคอยตักเตือน เป็นสิ่งที่คอยประคับประคองให้ลูกอยู่ในร่องในรอย ไม่ออกนอกลู่นอกทาง และไม่เลี้ยวเข้าหาอบายมุขอย่างง่าย
รูปแบบความสัมพันธ์จะเป็นอย่างไร ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับทั้งลักษณะนิสัยพื้นฐานของเด็ก แต่อีกส่วนที่สำคัญมาจากการเลี้ยงดู ดังนั้นสิ่งที่พ่อแม่ทำได้ คือการให้ความรักความเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอ การใช้เวลากับลูก เล่นกับลูก และตอบสนองต่อความรู้สึกและความต้องการของลูก (ไม่ใช่ตามใจ แต่รับฟังลูกด้วยความเข้าอกเข้าใจ)
ที่มา: Designed by jcomp / Freepik
ความสม่ำเสมอนั้นเป็นหัวใจสำคัญ เพราะถ้าหากรักบ้าง หมางเมินบ้าง ขึ้น ๆ ลง ๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ จะทำให้เด็กไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ และจะมีแนวโน้มมีความสัมพันธ์แบบ anxious มากขึ้น และหากพ่อแม่เย็นชา ทอดทิ้ง หมางเมิน เป็นประจำ จะส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูกเป็นแบบ avoidance
สุดท้ายนี้ อยากชวนพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูบุตรหลานทุกท่าน เริ่มต้นจากการสำรวจตัวเอง ว่าตัวเรามีแนวโน้มที่จะมีรูปแบบความสัมพันธ์กับคนรอบข้างแบบไหน (หากสนใจสามารถหาแบบทดสอบออนไลน์ได้) เพื่อจะได้เข้าใจตัวเองมากขึ้นและปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับลูกต่อไป
ที่มา: https://www.th.lovepik.com
มนสิการ กาญจนะจิตรา
ภัสสร มิ่งไธสง
ศุทธิดา ชวนวัน
กัญญา อภิพรชัยสกุล
มนสิการ กาญจนะจิตรา
รีนา ต๊ะดี
ปราโมทย์ ประสาทกุล
อารี จำปากลาย
ปราโมทย์ ประสาทกุล
ปราโมทย์ ประสาทกุล
อมรา สุนทรธาดา
กาญจนา เทียนลาย
มนสิการ กาญจนะจิตรา
มนสิการ กาญจนะจิตรา
อมรา สุนทรธาดา
มนสิการ กาญจนะจิตรา
มนสิการ กาญจนะจิตรา
จงจิตต์ ฤทธิรงค์
อรทัย หรูเจริญพรพานิช
กาญจนา เทียนลาย
มนสิการ กาญจนะจิตรา