The Prachakorn

การผลักดันผลการวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ทางนโยบาย: ข้อท้าทายของคนทำวิจัยในยุคปัจจุบัน


ปิยวัฒน์ เกตุวงศา,ชุติมา อยู่สมบูรณ์

17 กุมภาพันธ์ 2564
302



“งานวิจัยขึ้นหิ้ง” คล้ายกับเป็นคำแสลงที่คนทำวิจัยทุกคนต่างไม่ต้องการให้เกิดขึ้นกับงานวิจัยของตนเอง ทว่าในความเป็นจริงมีงานวิจัยจำนวนหนึ่ง เมื่อทำเสร็จสมบูรณ์แล้วก็ถูกนำไปขึ้นไว้บนหิ้งอย่างไม่มีทางเลือกในช่วงหลังๆ (โดยเฉพาะหลังจากมีแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี) หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของการทำงานวิจัย ที่ถูกคาดหวังโดย แหล่งทุนวิจัย มักผูกโยงกับการนำผลจากการวิจัยไปใช้ให้เกิดประโยชน์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ตั้งแต่การตีพิมพ์ผลการวิจัยในวารสารวิชาการ ผลผลิตจากการวิจัยที่เป็นรูปธรรมประเภทต่างๆ การคิดค้นโมเดลเชิงนวัตกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดันผลการวิจัยสู่นโยบาย ซึ่งจะว่าไปแล้วในประเด็นหลังนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่กลุ่มนักวิจัยส่วนใหญ่ของประเทศมีความถนัดเท่าใดนักเพราะวิถีของนักวิจัยส่วนใหญ่จะขลุกอยู่กับการนำองค์ความรู้มา ออกแบบการวิจัย เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล เสนอให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจทางนโยบาย นำความรู้เหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ตามที่เหมาะที่ควร แต่ในปัจจุบัน หน้าที่ดังกล่าวถูกคาดหวังให้รวมอยู่ที่นักวิจัยด้วยในลักษณะ all in one เบ็ดเสร็จในคนๆ เดียว  

ผู้เขียนโชคดีที่ได้มีโอกาสเข้ารับการอบรมในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการนำผลการวิจัยสู่การใช้ประโยชน์เชิงนโยบาย ครั้งแรกในปี 2557 เกี่ยวกับแนวคิดการขับเคลื่อนนโยบาย (policy advocacy) จัดโดยแผนงานเครือข่ายควบคุมโรคไม่ติดต่อ และอีกครั้งในปี 2559 เรื่องการสื่อสารนโยบาย (policy communication) จัดโดยกลุ่มภารกิจสุขภาพโลกมหิดล ซึ่งการอบรมทั้งสองครั้ง สร้างแรงบันดาลใจ แนวคิด เทคนิควิธีการและที่สำคัญคือนำผู้เขียนออกจากเขต comfort zone มารู้จักและเข้าใจถึงประโยชน์ของการนำผลของการวิจัย สู่การสร้าง ประโยชน์ให้สังคมผ่านช่องทางการผลักดันนโยบายจนถึงวันนี้ ผู้เขียนพยายามพัฒนาทักษะในเรื่องนี้ให้เกิดผลเชิงประจักษ์ เพราะเชื่อมั่นว่า “นโยบาย” คือ “หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง ลดความเหลื่อมล้ำ และเพิ่มโอกาสให้กับประชาชนผู้รับประโยชน์ทางนโยบายได้อย่างถ้วนหน้า”  

ในปี 2555 ผู้เขียนและคณะนักวิจัย “โครงการพัฒนาระบบเฝ้าระวังและติดตามพฤติกรรมด้านกิจกรรมทางกายของประชากรไทย” พบว่า เด็กและเยาวชนไทยมากกว่าครึ่งมีการเคลื่อนไหวร่างกายไม่เพียงพอ ที่จะสนับสนุนพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา เนื่องจากข้อมูลที่พบในทุกๆ ปียืนยันเช่นนั้น1 ด้วยเหตุนี้ในปี 2559 เราจึงคิดว่า จำเป็นต้องมีการพัฒนารูปแบบที่มีประสิทธิภาพในการส่งเสริมกิจกรรมทางกายให้กับเด็กและเยาวชนไทยขึ้นมา เพื่อให้นำไปสู่การใช้และจัดการปัญหาที่เราค้นพบ จึงได้เกิด “โครงการวิจัยโรงเรียนฉลาดเล่น”2 ที่มุ่งจัดการและสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบในการส่งเสริมกิจกรรมทางกายในโรงเรียน ตั้งแต่นโยบายของโรงเรียน ตัวครูและนักเรียน ไปจนถึง บริบทแวดล้อมของโรงเรียนทั้งในและนอกห้องเรียน โดยมีโรงเรียน ต้นแบบเข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 17 แห่ง  

ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา คณะวิจัยของเราได้ติดตามทดสอบประสิทธิผลของโมเดลต้นแบบสำหรับการส่งเสริมกิจกรรมทางกายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ได้ข้อยืนยันว่า ต้นแบบดังกล่าวสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อพฤติกรรมของนักเรียน ขณะเดียวกันยังยืนยันโดยผู้บริหารโรงเรียนและคุณครูผู้ใช้ว่า เป็นแนวคิดที่สามารถปรับประยุกต์และบูรณาการเข้ากับกิจกรรมเชิงนโยบายและการเรียนรู้อื่นๆ ได้อย่างไม่ติดขัด คณะวิจัยมีความเชื่อว่า การส่งเสริมให้เด็กๆ ทุกคนในประเทศไทย มีโอกาส “เล่น-เรียน-รู้” อย่างมีความสุข สนุกสนาน พร้อมๆ กับการเรียนรู้ จะก่อให้เกิดประสบการณ์ตรง ที่จะส่งเสริมพัฒนาการที่เหมาะสมตามช่วงวัยอย่างรอบด้าน เกิดสมรรถนะหลักและกระบวนการเรียนรู้อย่างเหมาะสมและเต็มศักยภาพ  

อย่างไรก็ดี แม้ผลจากการวิจัยจะยืนยันให้เห็นถึงประสิทธิผลจากรูปแบบการส่งเสริมกิจกรรมทางกายที่ถูกพัฒนาขึ้น ทว่าโจทย์ท้าทายถัดไปที่ยากยิ่งกว่าคือ การนำผลของการวิจัยดังกล่าว ไปผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์ในวงกว้าง ที่ต้องอาศัยกระบวนการเชิงนโยบายร่วมด้วย กระบวนการคิดออกแบบ และมองหาแนวหนุนและแนวร่วม ที่จะช่วยทำให้กระบวนการผลักดันทางนโยบายดังกล่าวนี้ ประสบความสำเร็จเป็นสิ่งที่พวกเรากำลัง เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และรอคอยวันที่จะเห็นความสำเร็จของมัน  

(ได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพแล้ว) 

ท่านสามารถสแกนและดาวน์โหลดเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับโรงเรียนฉลาดเล่นได้ที่นี่  


  1. สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเฟสบุ๊กของศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย สถาบันวิจัยประชากรและสังคม
  2. ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)   

 



CONTRIBUTORS

Related Posts
Smartphone: พี่เลี้ยงเด็กคนใหม่

กรกนก พงษ์ประดิษฐ์

คนไทยกับกิจกรรมทางกาย

นุชราภรณ์ เลี้ยงรื่นรมย์

อาชีพกับเรื่องอ้วนๆ

จงจิตต์ ฤทธิรงค์

มาวิ่งกันเถอะ

นุชราภรณ์ เลี้ยงรื่นรมย์

นอนกี่ชั่วโมงคือเพียงพอ

นุชราภรณ์ เลี้ยงรื่นรมย์

การส่งเสริมกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ

กรกนก พงษ์ประดิษฐ์,ปิยวัฒน์ เกตุวงศา

อนาคตเด็กไทยหน้าติดจอ

นฤมล เหมะธุลิน,อภิชาติ แสงสว่าง

Copyright © 2020 สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 73170
โทรศัพท์ 02-441-0201-4 โทรสาร 02-441-9333
Webmaster: piyawat.saw@mahidol.ac.th