ในยุคนี้ หากจะกล่าวถึง “โควิด-19” คงจะมีน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก อย่างไรก็ตาม เรามาทำความรู้จักเจ้าโควิด-19 ในมุมมองของผู้เขียนกันสักเล็กน้อย
เจ้าโควิด-19 ได้เริ่มแพร่ระบาดที่เมืองอู่ฮั่นของจีน และแพร่ระบาดไปเกือบทุกประเทศในโลก ซึ่งผลกระทบของระบาดนี้นับว่าสาหัสพอสมควรและยังคงไม่มีทีท่าว่าจะลดระดับการทำลายล้างให้กับประชากรโลกในเร็ววัน ในฐานะที่เรามีโอกาสได้ทำงานเกี่ยวกับตัวเลขที่เกี่ยวกับประชากร และบ่อยครั้งที่เขียนบทความเกี่ยวกับสถิติ จึงขอนำเสนอตัวเลขให้เห็นว่า ณ วันที่ 14 ธันวาคม 2564 (กินเวลาราว 2 ปี ตั้งแต่มีการระบาด)
ทั่วโลก
การระบาดนี้ หากคิดเฉลี่ยจะเห็นว่า ในแต่ละวันจะมีคนติดเชื้อราวๆ 3.7 แสนคน หรือเกือบ 4 แสนคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างน่าตกใจเลยทีเดียว
ประเทศไทย
สำหรับในบ้านเราเอง ก็มีการระบาดมาแล้ว 3-4 ระลอก เมื่อเห็นว่าบางคนอาการรุนแรง และเสียชีวิต ก็ได้แต่ภาวนาในใจมาตลอดว่า ขอให้รอดพ้นจากเจ้าโควิด-19 นี้ด้วยนะ ลูกชั้นยังไม่โต ขอเลี้ยงลูกก่อน แนวทาง new normal ก็เอามาใช้ตลอด แต่สุดท้ายก็ยังไม่ดีพอที่จะทำให้เรารอดพ้นจากเจ้าโควิด-19 ได้
เรื่องมันมีอยู่ว่า ราวๆ กลางเดือนพฤศจิกายน (ปี 2564) เป็นช่วงที่อุณหภูมิของบ้านเราลดลง ทำให้ในบางพื้นที่เริ่มมีความหนาวเย็นเข้ามาปกคลุม สามีเริ่มมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนคนจะเป็นหวัด และไอแห้ง เขาก็คิดว่าเป็นเพราะอากาศเปลี่ยนจึงทำให้เป็นหวัด วันต่อมาจึงไปซื้อยาแก้ไอที่ร้านขายยาและลองซื้อชุดตรวจโควิด-19 มา 2 ชุด จะให้ลูกสาวได้ทดลองตรวจเพื่อลองซ้อมเตรียมตัวไปโรงเรียนหลังจากที่ปิดเทอมยาวนานมา 8 เดือน หลังจากกลับมาบ้านพวกเราก็ไม่ได้สนใจอะไรก็ทำกิจกรรมต่างๆ ที่บ้านเป็นปกติ จนตกค่ำ จึงได้ให้สามีทดลองตรวจโควิด-19 ให้ลูกสาวดู และจะได้ตรวจดูตัวเองด้วยว่าติดเชื้อโควิด-19 หรือเปล่าจะได้สบายใจกันไป (แต่พวกเราก็ค่อยข้างเชื่อมั่นว่าไม่ติดแน่ๆ ระวังตัวกันขนาดนี้ ล้างมือทั้งวัน เมื่อกลับเข้าบ้านก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า)
สามีก็หาดูคลิปแนะนำการตรวจหาโควิด-19 แบบ ATK (Antigen Test Kit) ชนิดที่แหย่จมูก และเริ่มทำการตรวจแบบทุลักทุเล เพราะเป็นครั้งแรกที่ลองตรวจ เมื่อเก็บตัวอย่างได้และผสมกับน้ำยาที่ให้มาในกล่อง ก็หยอดน้ำยาลงไป น้ำยาค่อยๆ วิ่งผ่านชุดตรวจจนเต็ม และขึ้นขีดสีแดง 1 เส้นที่ตัว C ความรู้สึกตอนนั้น รอดแล้ว แต่เมื่อรอเวลาผ่านไปราวๆ 2-3 นาที ปรากฏว่า ขีดที่ 2 เริ่มปรากฎให้พวกเราเห็นแล้วแถวๆ ตัว T แบบจางๆ เอาละ ใจเริ่มไม่ดีแล้วสิ กำลังกินข้าวอยู่ ก็ต้องวางจานข้าวทันที...
ภาพ: ผลการตรวจโควิด-19 ด้วย ATK แบบแหย่จมูกของสามี จะเห็นว่ามีขีดสีแดงจางๆ ขึ้นแถวๆ ตัว T
เอาละ มีชุดตรวจ ATK แบบน้ำลายเหลืออีกกล่อง เอามาตรวจเลยแล้วกัน จะได้ตรวจซ้ำอีกทีว่าจริงหรือไม่จริง ผลอาจจะคลาดเคลื่อนก็ได้ พอหยอดน้ำยาลงในชุดตรวจ น้ำยาก็วางผ่านชุดตรวจแบบช้าๆ ช้ากว่ารอบแรกพอสมควร ลุ้นก็ลุ้น พอน้ำยาเริ่มเคลื่อนที่ผ่านตัว T ที่เป็นจุดแรกก่อนที่จะถึงตัว C ปรากฎว่า ขีดแดงๆ ขึ้นแจ่มชัดมาก และผลการตรวจรอบที่ 2 ก็ออกมายืนยันว่า ผลการตรวจของสามีเราเป็นบวก ติดเชื้อโควิด-19 !!!
ณ ตอนนั้น คือแบบ เอายังไงดี อย่างแรกที่คิดได้ตอนนั้นคือ ตั้งสติก่อน แล้วค่อยๆ คิด จากนั้นพวกเราหาหน้ากากอนามัยมาใส่กันทั้ง 3 คน พ่อแม่ลูก จากที่เราไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยเวลาที่เราอยู่ในบ้าน และรีบออกไปหาซื้อชุดตรวจแบบ ATK มาสำหรับตรวจของเราและลูก แล้ววันนั้นก็ดูทุลักทุเลมากๆ กว่าจะได้ชุดตรวจโควิด-19 ก็ร้านที่ 3 และรีบกลับมาบ้านเพื่อมาตรวจของเราและของลูก
พวกเรา 2 คนแม่ลูก รีบจัดแจงตรวจ ซึ่งชุดตรวจที่ได้มาเป็นแบบแหย่จมูก ซึ่งมันค่อนข้างยากสำหรับเด็กอายุ 6 ขวบที่จะอยู่นิ่งและให้ความร่วมมือในการตรวจ แต่ก็พยายามแหย่ให้ลึกเท่าที่จะทำได้ ระหว่างหยดน้ำยารอผลการตรวจนั้น ความรู้สึกลุ้นว่าผลจะเป็นอย่างไร ผลจะเป็นบวกหรือเป็นลบ ถ้าเราบวก แล้วลูกเป็นลบล่ะ จะทำอย่างไร แต่สุดท้ายผลของเราสองคนแม่ลูกออกมาเป็นลบ โล่งขึ้นมานิดนึง จากนั้น พวกเราก็รีบจัดการตัวเองแบบเร็วที่สุด และแยกกันกักตัว แยกห้องนอนห้องน้ำกับสามี โดยให้สามีไปนอนห้องพระ ส่วนเรากับลูกย้ายมานอนห้องเสื้อผ้าของลูก เพราะคิดว่าห้องนั้นเชื้อน่าจะน้อยที่สุดแล้ว
ลูกก็ถามว่า วันนี้ทำไมเราขึ้นห้องนอนกันไวจัง เพิ่งจะทุ่มเดียวเองนะ หนูยังอยากดูการ์ตูนอยู่เลย เราเลือกใช้วิธีที่จะบอกตรงๆ กับลูกว่า พ่อตรวจโควิด-19 แล้วผลเป็นบวกนะ พ่ออาจจะติดโควิด-19 พรุ่งนี้พ่อจะไปหาหมอเพื่อตรวจอีกรอบ จะได้แน่ใจว่าติดหรือไม่ติด แต่ตอนนี้เราเข้าห้องนี้แล้ว เราจะพยายามไม่ออกจากห้องนี้สักวันสองวันนะ เพราะหากพ่อติดจริงๆ ในบ้านเราก็น่าจะมีเชื้อกระจายอยู่ในบ้านแล้ว รวมทั้งข้าวของในบ้านด้วยเหมือนกัน พวกเราต้องแยกกันสักพัก OK นะ และก็พยายามอย่าจับข้าวของในบ้าน จะเอาอะไรให้บอกเดี๋ยวจะหยิบให้ ลูกก็ตอบกลับว่า อยู่ได้ แต่เราคงเหงาหน่อยเพราะห้องเสื้อผ้าที่เราอยู่ไม่มีโทรทัศน์ หนูก็ต้องอดดูการ์ตูนเลย…เด็กน้อยยังไงก็ยังอยากดูการ์ตูน
เมื่อมาถึงตรงนี้ ขอจบไว้ที่ตรงนี้ก่อน ขอเชิญทุกท่านติดตามอ่านตอนที่ 2 ที่เราจะมาเล่าให้ฟังว่า ในช่วงต่อจากนี้ พวกเราจะทำยังไงต่อไป เมื่อรู้ว่า เจ้าโควิด-19 ได้ก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านเราแล้ว...
สิรินทร์ยา พูลเกิด
ภูเบศร์ สมุทรจักร
วรชัย ทองไทย
วรเทพ พูลสวัสดิ์
อมรา สุนทรธาดา
จรัมพร โห้ลำยอง
อมรา สุนทรธาดา
นงนุช จินดารัตนาภรณ์
ภัทราภรณ์ จึงเลิศศิริ
ปราโมทย์ ประสาทกุล
ปราโมทย์ ประสาทกุล
เฉลิมพล แจ่มจันทร์
วรชัย ทองไทย
บุรเทพ โชคธนานุกูล
นงนุช จินดารัตนาภรณ์
ภัทราภรณ์ จึงเลิศศิริ
ศุทธิดา ชวนวัน
สุภรต์ จรัสสิทธิ์
ปราโมทย์ ประสาทกุล
ปราโมทย์ ประสาทกุล
กาญจนา เทียนลาย
สุริยาพร จันทร์เจริญ