สุขภาพคนเราเสื่อมไปตามวัย การกินอาหารที่ดี หลากหลาย และในสัดส่วนที่เหมาะสมตามวัย มีความสำคัญที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุดำเนินชีวิตที่เหลืออย่างมีพฤฒิพลัง หรือสูงวัยแบบกระฉับกระเฉง
ผักและผลไม้เป็นหนึ่งในกลุ่มอาหารที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะนำให้ประชากรไทยทุกกลุ่มวัยกินให้เพียงพอในแต่ละวัน องค์การอนามัยโลกได้แนะนำให้ประชากรวัยผู้ใหญ่ กินผักและผลไม้รวมกันให้ได้เฉลี่ยอย่างน้อย 400 กรัม/วัน1 เพื่อช่วยป้องกันความเสี่ยงของการเกิดโรคภัยไข้เจ็บ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคมะเร็งบางชนิด
สถานการณ์การกินผักและผลไม้ของผู้สูงอายุไทยน่าเป็นห่วงสัดส่วนผู้สูงอายุกินผักและผลไม้เพียงพอตามคำแนะนำมีไม่ถึงร้อยละ 40 และมีแนวโน้มลดลงอีก จากผลการศึกษาโครงการศึกษาสถานการณ์การบริโภคผักและผลไม้ของคนไทย ของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ2 พบว่า ในปี 2564 ผู้สูงอายุกินผักและผลไม้เฉลี่ย 367.6 กรัม/วัน ลดลงจากปี 2562 ที่กินได้ 372.9 กรัม/วัน และสัดส่วนผู้สูงอายุที่กินเพียงพอลดลงจากร้อยละ 38.7 ในปี 2562 เหลือร้อยละ 37.7 ในปี 2564 (ดูแผนภูมิ 1)
แผนภูมิ 1: ร้อยละการกินผักและผลไม้เพียงพอของผู้สูงอายุ ในปี 2562 และ2564 จำแนกตามเพศและกลุ่มอายุ (วัยต้น คือ อายุ 60-69 ปี วัยกลาง คือ อายุ 70-79 ปี และวัยปลาย คือ อายุตั้งแต่ 80 ปีขึ้นไป)
ในปี 2564 ผู้สูงอายุชายมีสัดส่วนการกินผักและผลไม้เพียงพอมากกว่าผู้สูงอายุหญิง และยังกินเพิ่มขึ้นจากปี 2562 ขณะที่ผู้สูงอายุหญิงมีสัดส่วนการกินเพียงพอลดลง เหตุผลสำคัญอาจเกิดจากผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่ภาครัฐออกมาตรการจำกัดการเดินทาง และปิดหรือจำกัดการใช้สถานที่สาธารณะ ทำให้คนต้องทำงานที่บ้านมากขึ้น ผู้ชายจึงมีโอกาสดูแลอาหารการกินของตนเองมากขึ้น บางครอบครัวอาจมีคนทำอาหารให้กิน ในทางกลับกัน ผู้หญิงส่วนใหญ่มีหน้าที่หลักดูแลความเป็นอยู่ของคนในครอบครัว ทำให้มีภาระเพิ่มขึ้นในการดูแลอาหารการกินของสมาชิกที่อยู่บ้าน จึงทำให้มีเวลาดูแลการกินของตัวเองลดลงได้
แม้ว่ากลุ่มผู้สูงอายุวัยปลายอายุ 80 ปีขึ้นไป มีสัดส่วนการกินผักและผลไม้เพียงพอต่ำสุด เมื่อเทียบกับวัยอื่น แต่ในปี 2564 พบว่า ผู้สูงอายุวัยนี้กินเพียงพอเพิ่มขึ้นจากปี 2562 ซึ่งอาจเป็นผลจากการจำกัดให้ประชาชนอยู่ในที่พักในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ทำให้สมาชิกในครอบครัวผู้สูงอายุมีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกัน กินข้าวหรือทำอาหารร่วมกัน และผู้สูงอายุได้รับการเอาใจใส่ดูแลจากสมาชิกในครัวเรือนมากขึ้น ส่งผลต่อการเพิ่มความอยากอาหาร รวมถึงการกินผักและผลไม้ของผู้สูงอายุกลุ่มนี้ได้ จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลของโครงการฯ ในปี 2562 พบว่า ผู้สูงอายุที่ไม่ได้อาศัยอยู่คนเดียว เช่น อยู่กับคู่สมรส ลูก หลาน พี่น้อง มีโอกาสกินผักและผลไม้เพียงพอมากกว่ากลุ่มผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียว3
สถานการณ์ที่น่ากังวล คือ ผู้สูงอายุที่อาศัยในกรุงเทพฯ มีสัดส่วนกินผักและผลไม้เพียงพอต่ำกว่าผู้สูงอายุในภูมิภาคอื่นกว่าสองเท่า ในปี 2564 พบผู้สูงอายุที่อาศัยในกรุงเทพฯ เพียงร้อยละ 20 กินผักและผลไม้เพียงพอ (ดูแผนภูมิ 2) ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากมาตรการล็อกดาวน์ที่ทำให้ร้านค้าขายอาหารต่างๆ ต้องปิดบริการชั่วคราว ซึ่งเป็นแหล่งซื้อหาสินค้าอาหารหลักของคนกรุงเทพฯ ประกอบกับกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่เมืองทำให้ยากต่อการมีพื้นที่ปลูกผักและผลไม้กินเอง ส่งผลต่อการเข้าถึงผักและผลไม้ และการกินที่อาจลดลงตามไปด้วย
แผนภูมิ 2: ร้อยละการกินผักและผลไม้เพียงพอของผู้สูงอายุ ในปี 2562 และ2564 จำแนกตามภาค
สุชาดา ทวีสิทธิ์
สิรินทร์ยา พูลเกิด
ศุทธิดา ชวนวัน
นุชราภรณ์ เลี้ยงรื่นรมย์
สิรินทร์ยา พูลเกิด
ฉัตรชัย วัฒนไชยประทีป
วรชัย ทองไทย
วรชัย ทองไทย
กาญจนา เทียนลาย
นงนุช จินดารัตนาภรณ์
ณัฐจีรา ทองเจริญชูพงศ์,กษมา ยาโกะ,ณัฐณิชา ลอยฟ้า,ธนพร เกิดแก้ว
ปาริฉัตร นาครักษา,สิรินทร์ยา พูลเกิด
สุภรต์ จรัสสิทธิ์
รัศมี ชูทรงเดช
ปราโมทย์ ประสาทกุล
อมรา สุนทรธาดา
ปราโมทย์ ประสาทกุล
สาสินี เทพสุวรรณ์,สิรินทร์ยา พูลเกิด
กาญจนา เทียนลาย
มนสิการ กาญจนะจิตรา
สาสินี เทพสุวรรณ์
ศุทธิดา ชวนวัน