ปัจจุบัน ประเทศไทยได้กลายเป็นสังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์แล้ว คือ มีจำนวนผู้สูงอายุประมาณ 13 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด ประเทศไทยกำหนดอายุเกษียณที่ 60 ปี ในขณะที่อายุคาดเฉลี่ยเมื่ออายุ 60 ปี หรือจำนวนปีที่ผู้เกษียณอายุคาดว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเป็นระยะเวลาอีก 21 ปีเลยทีเดียว
บทความนี้นำเสนอสวัสดิการด้านการเงินที่รัฐจัดให้แก่ผู้สูงอายุไทยจาก 2 แหล่งหลัก คือ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และเบี้ยหวัด ในช่วงปี 2563-2565 ผู้สูงอายุไทยส่วนใหญ่ “ประมาณ 10 ล้านคน” ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนคนและงบประมาณ “ปีละกว่า 8 หมื่นล้านบาท” (เบี้ยยังชีพเริ่มจ่ายครั้งแรกเมื่อปี 2552 และปัจจุบันกำหนดการจ่ายเงินแบบขั้นบันไดตามช่วงอายุ ตั้งแต่ 600 จนถึง 1,000 บาท)
ส่วนข้าราชการที่เกษียณอายุได้รับเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ซึ่งพบว่า มีผู้สูงอายุที่ได้รับ “ประมาณ 8 แสนคน” ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนคนและงบประมาณเช่นเดียวกัน “ปีละกว่า 2.6 แสนล้านบาทต่อปี”
สวัสดิการด้านการเงินเพื่อผู้สูงอายุไทย ปี 2563 – 2565
ที่มา: กระทรวงการคลัง
ภาพปก freepik.com (premium license)
กาญจนา เทียนลาย
สุรีย์พร พันพึ่ง,ตะวันชัย จิรประมุขพิทักษ์
สิรินทร์ยา พูลเกิด
ณัฐจีรา ทองเจริญชูพงศ์
อมรา สุนทรธาดา
สุรีย์พร พันพึ่ง
กาญจนา เทียนลาย
กาญจนา เทียนลาย
ปราโมทย์ ประสาทกุล
จงจิตต์ ฤทธิรงค์
กาญจนา เทียนลาย
นุชราภรณ์ เลี้ยงรื่นรมย์
ปราโมทย์ ประสาทกุล
อมรา สุนทรธาดา
สิรินทร์ยา พูลเกิด
วรรณี หุตะแพทย์,ศิรินันท์ กิตติสุขสถิต
ปัทมา ว่าพัฒนวงศ์
ภัทราภรณ์ จึงเลิศศิริ
จงจิตต์ ฤทธิรงค์
รศรินทร์ เกรย์
จงจิตต์ ฤทธิรงค์
อมรา สุนทรธาดา
กาญจนา ตั้งชลทิพย์,อารี จำปากลาย
ปราโมทย์ ประสาทกุล
ณปภัช สัจนวกุล
ปราโมทย์ ประสาทกุล
มนสิการ กาญจนะจิตรา